รีเซต

ททท.นครพนม เปิดปฏิทินท่องเที่ยวเทศกาลออกพรรษา เยือนถิ่นละเบ๋อสกลนคร ชมความวิจิตรขบวนแห่ปราสาทผึ้ง และประเพณีไหลเรือไฟนครพนม

ททท.นครพนม เปิดปฏิทินท่องเที่ยวเทศกาลออกพรรษา เยือนถิ่นละเบ๋อสกลนคร ชมความวิจิตรขบวนแห่ปราสาทผึ้ง และประเพณีไหลเรือไฟนครพนม
77ข่าวเด็ด
26 กันยายน 2563 ( 15:45 )
124
ททท.นครพนม เปิดปฏิทินท่องเที่ยวเทศกาลออกพรรษา เยือนถิ่นละเบ๋อสกลนคร ชมความวิจิตรขบวนแห่ปราสาทผึ้ง และประเพณีไหลเรือไฟนครพนม

นครพนม – ททท.นครพนม เปิดปฏิทินท่องเที่ยวเทศกาลออกพรรษา เยือนถิ่นละเบ๋อสกลนคร ชมความวิจิตรขบวนแห่ปราสาทผึ้ง และประเพณีไหลเรือไฟนครพนม งดงามตระการตากลางสายน้ำโขง

 

 

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานนครพนม มีพื้นที่รับผิดชอบคือ  สกลนคร นครพนม มุกดาหาร ได้เปิดกิจกรรมท่องเที่ยวภาคอีสาน ในเทศกาลออกพรรษา 2563 ประเดิมการสืบสานประเพณีแห่ปราสาทผึ้ง สัมผัสดินแดน 3 ธรรม ธรรมะ ธรรมชาติ และ วัฒนธรรม จังหวัดสกนคร ซึ่งเป็นประเพณียิ่งใหญ่ประจำปีของชาวสกลนคร ที่เกิดจากความเชื่อ ความศรัทธา ผสานภูมิปัญญาของชาวบ้านที่สรรค์สร้างงาน ประติมากรรมออกมาได้อย่างงดงาม โดยนายเฉลิมชัย รุจิวรารัตน์ ผอ.ททท.นครพนม มอบหมายให้นายสุริยัน โสรินทร์ รอง ผอ.ททท.นครพนม นำคณะสื่อมวลชนจากจังหวัดนครพนม สมทบกับสื่อมวลชนประจำจังหวัดสกลนคร ร่วมกันเผยแพร่งานประเพณีแห่ปราสาทผึ้งสู่สาธารณชน

โดยการทำปราสาทผึ้ง มีความเชื่อทางพระพุทธศาสนา ครั้งที่พระพุทธเจ้าทรงเสด็จลงจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ในวันปวารณาออกพรรษา พระพุทธเจ้าตรัสอำลาพระอินทร์ เพื่อเสด็จลงสู่เมืองมนุษย์ พระอินทร์จึงเนรมิตบันไดเงิน บันไดทอง และบันไดแก้วมณีให้พระองค์เสด็จลง เทวดา มนุษย์ ครุฑ นาค สัตว์นคร ต่างชื่นชมในพระบารมีของพระพุทธเจ้า และเกิดความเลื่อมใสในบุญกุศลอย่างยิ่ง เกิดจินตนาการการมองเห็นปราสาทวิมานสวยงาม ใคร่อยากไปอยู่ แล้วจึงรู้ชัดว่า การที่จะไปอยู่ในปราสาทสวยงามได้นั้น จะต้องสร้างบุญสร้างกุศล ประพฤติปฏิบัติอยู่ในหลักธรรม จากนั้นจึงพากันคิด สร้างสรรค์ ทำปราสาทให้มีลักษณะคล้ายปราสาทราชมณเฑียรบนสวรรค์ชั้นวิมาน ลวดลายวิจิตรสวยงาม นอกจากนั้น การทำปราสาทผึ้งยังมีความเชื่อว่า เป็นการอุทิศส่วนกุศลให้แก่บรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้ว เพื่อร่วมกันทำบุญสร้างกุศลร่วมกัน ในช่วงเทศกาลออกพรรษา

ปีนี้จังหวัดสกลนครกำหนดจัดงานประเพณีแห่ปราสาทผึ้ง ประจำปี พ.ศ.2563 ระหว่างวันที่ 26 กันยายน -2 ตุลาคม 2563 ณ บริเวณ สวนเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และวัดพระธาตุเชิงชุมวรวิหาร โดยมีกำหนดเปิดงาน ในวันเสาร์ที่ 26 กันยายน 2563 มีขบวนแห่ประกวดปราสาทผึ้งประยุกต์ และปราสาทผึ้งโบราณ ชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี

ด้าน นายปัญญารัตน์ พันธุ์โส หนึ่งในศิลปินผู้รังสรรค์ปราสาทผึ้งอันวิจิตรงดงาม ชุมชนหนองแดง วัดกกส้มโฮง หรือวัดสุวรรณนิลจินดา เปิดเผยว่าปราสาทผึ้งวัดกกส้มโฮงครองแชมป์ถ้วยพระราชทาน 3 ปีซ้อน(2560-2562) ปีนี้ก็จะมาป้องกันแชมป์ด้วยการเนรมิตปราสาทผึ้งขนาดความกว้าง 5 เมตร ยาว 11 เมตร สูง 6 เมตร ฐานเป็นลายเรื่องพระมหาชนก ใช้ขี้ผึ้งรวมทั้งหมด 1,200 กิโลกรัม

ที่ผ่านมาการแห่ปราสาทผึ้งมีทั้งหมด 13 ชุมชน เนื่องจากเกิดวิกฤตโควิด-19 จังหวัดสกลนคร จึงกำหนดจัดงานแบบ New Normal โดยจะไม่มีการแห่ปราสาทผึ้งในระยะทางที่ยาวแบบทุกปีที่ผ่านมา  แต่จะจัดแสดงปราสาทผึ้งประยุกต์และปราสาทผึ้งโบราณ ให้ประชาชนได้เข้าชมความวิจิตรสวยงามแทน ที่บริเวณสวนเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา ริมฝั่งหนองหาร ต.ธาตุเชิงชุม อ.เมือง จ.สกลนคร โดยมีปราสาทผึ้งเข้าร่วมประกวดลดลงเหลือ จำนวน 6 หลัง 6 ชุมชนเท่านั้น จากนั้นวันที่ 1 ตุลาคม จะแห่ปราสาทผึ้ง ระยะทางที่สั้นลง ไปตามถนนสายวัฒนธรรมจากสวนเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา ไปยังวัดพระธาตุเชิงชุมวรวิหารเพื่อถวายเป็นพุทธบูชา

ขณะที่ทางด้านจังหวัดนครพนม นายเฉลิมชัย รุจิวรารัตน์ ผอ..ททท.นครพนม มอบหมายให้ น.ส.กนกวรรณ ดุงศรีแก้ว รอง ผอ.ททท.นครพนม เป็นผู้แทนเข้าร่วม เปิดงานประเพณีไหลเรือไฟ และงานกาชาด ประจำปี 2563 ณ บริเวณศาลากลางจังหวัดนครพนม เมื่อค่ำคืนวันที่ 25 กันยายน ที่ผ่านมา ถือเป็นประเพณีของชาวอีสานที่สืบสานมานานหลายศตวรรษ เรือไฟหรือภาษาท้องถิ่นเรียกว่าเฮือไฟ จัดขึ้นในช่วงเทศกาลออกพรรษาของทุกปี

โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อบูชารอยพระพุทธบาทของพระสัมมา สัมพุทธเจ้า ณ ริมฝั่งแม่น้ำนัมทามหานที โดยมีประวัติความเป็นมาดังนี้ กล่าวคือ พระพุทธเจ้าเสด็จไปฝั่งแม่น้ำนัมทามหานที ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของพญานาค พระพุทธองค์ได้แสดงธรรมเทศนาโปรดพญานาคที่เมืองบาดาล และพญานาคได้ทูลขอพระพุทธองค์ประทับรอยพระบาทไว้ ณ ริมฝั่งแม่น้ำนัมทามหานที ต่อมาบรรดาเทวดา มนุษย์ ตลาดจนสัตว์ทั้งหลายได้มาสักการบูชา รอยพระพุทธบาท

นอกจากนี้ประเพณีไหลเรือไฟ ยังจัดขึ้นเพื่อขอขมาลาโทษแม่น้ำที่ได้ทิ้งสิ่งปฏิกูล และเป็นการเอาไฟเผาความทุกข์ให้ลอยไปกับสายน้ำ นิยมปฏิบัติกันในเทศกาลออกพรรษา ในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 หรือวันแรม 1 ค่ำ เดือน 11 ประเพณีไหลเรือไฟ มีความเชื่อเกี่ยวโยงสัมพันธ์กับข้อมูลความเป็นมาหลายประการ เช่น เนื่องจากการบูชารอยพระพุทธบาท การสักการะพกาพรหม การบวงสรวงพระธาตุจุฬามณี การระลึกถึงพระคุณของพระแม่คงคา เป็นต้น

ดังนั้น ททท.นครพนม จึงร่วมสืบสานประเพณีออกพรรษาพร้อมกัน 2 จังหวัด เปิดปฏิทินให้นักท่องเที่ยวได้ชื่นชมความงามชนิดไม่พลาดทั้งสองงาน กล่าวคือในคืนวันที่ 1 ตุลาคม ชมความวิจิตรงดงามขบวนแห่ปราสาทผึ้งจังหวัดสกลนคร รุ่งเช้าวันที่ 2 ตุลาคม ก็เดินทางไปบนถนนทางหลวงแผ่นดินสาย 22(สกลนคร-นครพนม)  ต่อยังจังหวัดนครพนม มีระยะทางห่างกัน 90 กม. เพื่อชมความตระการกลางสายน้ำโขงของเรือไฟจำนวน 7 ลำ และเช้าวันที่ 3 ตุลาคม ร่วมทำบุญตักบาตรเทโว เพื่อความเป็นสิริมงคลแห่งชีวิต ณ ริมฝั่งแม่น้ำโขง บริเวณลานพญาศรีสัตตนาคราช ถนนสุนทรวิจิตร เขตเทศบาลเมืองนครพนม

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง