จาก “30 บาทรักษาทุกโรค” สู่ “มะเร็งรักษาได้ทุกที่” วิวัฒนาการสิทธิบัตรทองช่วยชีวิตคนไทย

จุดเริ่มต้น “30 บาทรักษาทุกโรค”
ปี 2544 ถือเป็นหมุดหมายสำคัญของระบบสาธารณสุขไทย เมื่อรัฐบาลเริ่มนโยบาย “หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า” หรือที่คนไทยรู้จักในชื่อ “30 บาทรักษาทุกโรค” เพื่อให้ประชาชนทุกคนเข้าถึงการรักษาพยาบาลโดยไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย นโยบายนี้ต่อมาได้พัฒนาเป็น “สิทธิบัตรทอง” ภายใต้การบริหารของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.)
กว่า 20 ปีที่ผ่านมา สิทธิบัตรทองกลายเป็นเครื่องมือสำคัญที่ลดความเหลื่อมล้ำทางสุขภาพ และสร้างความมั่นคงให้กับประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้น้อยที่ไม่มีสวัสดิการอื่นรองรับ
ก้าวใหม่ของการดูแลผู้ป่วยมะเร็ง
ก้าวต่อมาที่สำคัญเกิดขึ้นในปี 2564 เมื่อ สปสช. เปิดตัวนโยบาย “Cancer Anywhere” หรือ “มะเร็งรักษาได้ทุกที่” เพื่อปลดล็อกข้อจำกัดเดิมที่ผู้ป่วยต้องใช้ใบส่งตัวระหว่างเขตบริการสุขภาพ
ผู้ป่วยที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็ง สามารถเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลที่มีศักยภาพทั่วประเทศได้ทันที นโยบายนี้ช่วยลดขั้นตอน เพิ่มความรวดเร็วในการรักษา และลดภาระค่าเดินทางของผู้ป่วยต่างจังหวัด
งบประมาณและการรักษาขั้นสูง
ปี 2569 สปสช. จัดสรรงบกว่า 18 ล้านบาท เพื่อเปิดบริการรักษามะเร็งขั้นสูง 9 กลุ่มโรค เช่น มะเร็งเต้านม ปอด และตับ ด้วยเทคโนโลยี เครื่องฉายรังสีสามมิติ MR Linac ที่โรงพยาบาลศิริราช ตั้งเป้ารองรับผู้ป่วยปีละ 150 ราย
ก่อนหน้านั้นในปี 2565 กองทุนบัตรทองใช้งบประมาณกว่า 12,000 ล้านบาท ดูแลผู้ป่วยมะเร็งกว่า 250,000 คน ทั่วประเทศ คิดเป็น 5–7% ของงบรวมระบบหลักประกันสุขภาพ
นอกจากนี้ สปสช. ยังเจรจาต่อรองราคายา Targeted Therapy ให้ผู้ป่วยเข้าถึงยามุ่งเป้าในราคาที่เหมาะสม เพื่อยกระดับมาตรฐานการรักษาให้ใกล้เคียงระบบเอกชน
โรงพยาบาลรัฐกว่า 40 แห่งทั่วประเทศ
ปัจจุบัน มีโรงพยาบาลของรัฐ 41 แห่ง ผ่านการรับรองศักยภาพให้เป็นศูนย์รักษามะเร็งภายใต้ระบบบัตรทอง ผู้ป่วยสามารถเลือกเข้ารับบริการใกล้บ้านได้โดยไม่ต้องเดินทางไกล นับเป็นการขยายสิทธิ์ให้คนไทยทุกภูมิภาคเข้าถึงการรักษาที่เท่าเทียม
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
