อดีตรมว.คลัง เขียนจม.เปิดผนึกถึงผู้นำฝ่ายค้าน สอบด่วน รบ.ทำผิดกม.วินัยการเงินการคลัง
อดีตรมว.คลัง เขียนจม.เปิดผนึกถึงผู้นำฝ่ายค้าน สอบด่วน รบ.ทำผิดกม.วินัยการเงินการคลัง ชี้ พรก.กู้เงินโควิด ส่อดำเนินการที่เกินอำนาจ เข้าข่ายเป็นการผิดกฎหมาย
เมื่อวันที่ 26 พ.ค. นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เขียน จดหมายเปิดผนึกถึงหัวหน้าพรรคฝ่ายค้าน นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวพน้าพรรคเพื่อไทย พร้อมส่งสำเนาถึง นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล พลตำรวจเอก เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ นายสุภดิช อากาศฤกษ์ รักษาการณ์หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจใหม่ นางบุศริณธญ์ วรพัฒนานันน์ หัวหน้าพรรคเพื่อชาติ นายนิคม บุญวิเศษ หัวหน้าพลังปวงชนชาวไทย เรื่อง ขอให้ตรวจสอบการใช้จ่ายเงินตามพระราชกำหนดฯ ที่อาจผิดกฎหมาย ระบุว่า
ตามที่รัฐบาลได้ออกพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคมจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ และก่อนหน้านี้ ได้ออกพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ นั้น ข้าพเจ้ามีความเห็นว่าการใช้จ่ายเงินตามพระราชกำหนดทั้งสองฉบับดังกล่าวอาจจะฝ่าฝืนกฎหมาย จึงขอเรียนเสนอแนะเพื่อให้ท่านทำการตรวจสอบ มีรายละเอียดดังต่อไปนี้ พระราชกำหนดมีบทบัญญัติในเรื่องการใช้จ่ายไว้ด้วย
พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ มีบทบัญญัติในเรื่องการใช้จ่ายไว้ด้วย โดยมาตรา ๗ ให้มีคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ และมาตรา ๘ บัญญัติให้คณะกรรมการฯ มีหน้าที่ (๑) พิจารณากลั่นกรองแผนงานหรือโครงการให้เป็นไปตามแผนงานหรือโครงการใช้จ่ายเงินกู้ตามพระราชกำหนดนี้ ก่อนเสนอคณะรัฐมนตรีอนุมัติ (๒) กำกับดูแลการดำเนินงานตามแผนงานหรือโครงการที่ใช้เงินกู้ตามพระราชกำหนดนี้ และรายงานความก้าวหน้าต่อคณะรัฐมนตรีอย่างน้อยทุกสามเดือน (๓) .. (๔) .. (๕) .. (๖) เสนอแนะต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อวางระเบียบเกี่ยวกับการดำเนินการตามแผนงานหรือโครงการที่ใช้เงินกู้ตามพระราชกำหนดนี้ ระเบียบดังกล่าวเมื่อคณะรัฐมนตรีเห็นชอบแล้วให้ใช้บังคับได้ (๗) ปฏิบัติการอื่นตามที่คณะรัฐมนตรีหรือนายกรัฐมนตรีมอบหมาย
ส่วนพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคมจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ มาตรา ๗ ให้คณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ มีหน้าที่อำนาจในการพิจารณากลั่นกรองเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณา และให้นำความในมาตรา ๘ แห่งพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจ และสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ มาใช้บังคับด้วยโดยอนุโลม
บทบัญญัติในเรื่องการใช้จ่ายในพระราชกำหนดเป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย
ในพระราชกำหนดทั้งสองฉบับ มาตรา ๔ บัญญัติให้การกู้เงินตามพระราชกำหนดฯ เป็นการกู้เงินตามมาตรา ๕๓ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ซึ่งมาตรา ๕๓ วรรคสอง บัญญัติว่า “กฎหมายที่ตราขึ้นตามวรรคหนึ่งต้องระบุวัตถุประสงค์ของการกู้เงิน ระยะเวลาในการกู้เงิน แผนงานหรือโครงการที่ใช้จ่ายเงินกู้ วงเงินที่อนุญาตให้ใช้จ่ายเงินกู้ และหน่วยงานของรัฐซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบการดําเนินแผนงานหรือโครงการที่ใช้จ่ายเงินกู้นั้น” ซึ่งพระราชกำหนดทั้งสองฉบับก็มีการระบุเช่นนั้น แต่ได้เพิ่มข้อบัญญัติเกี่ยวกับการใช้จ่ายไว้ด้วย ดังที่บรรยายไว้แล้ว
ข้าพเจ้าขอเรียนว่า มาตรา ๕๓ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ มิได้อนุญาตให้มีการบัญญัติเกี่ยวกับการใช้จ่ายใดๆ ไว้ในการตรากฎหมาย จึงเป็นการดำเนินการที่เกินอำนาจ และการใช้จ่ายเงินตามเงื่อนไขในพระราชกำหนดฯ จึงอาจเข้าข่ายเป็นการผิดกฎหมาย
ข้าพเจ้าจึงขอเสนอแนะให้ท่านในฐานะหัวหน้าพรรคฝ่ายค้านทำการตรวจสอบอย่างเร่งด่วน
จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณา
ขอแสดงความนับถือ
(นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล)
อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง