"ไทรอยด์เป็นพิษ" เปิด 7 กลุ่มอาหารช่วยต้านโรค?
ต่อมไทรอยด์ เป็นต่อมที่อยู่บริเวณลำคอ ด้านหน้าลูกกระเดือก และติดกับหลอดลม ทำหน้าที่ผลิตฮอร์โมนในการทำงานของร่างกาย แต่ปัญหา คือ หากต่อมไทรอยด์หลั่งฮอร์โมนไทรอยด์ออกมามากเกินไป จะทำให้เกิดผลกระทบกับร่างกาย หรือเรียกว่า “ไทรอยด์เป็นพิษ” ทำให้ระบบเผาผลาญของร่างกายทำงานมากขึ้น น้ำหนักตัวลดลงอย่างรวดเร็ว ทั้งๆที่รับประทานอาหารได้มากกว่าปกติ อุจจาระ ปัสสาวะบ่อย และอาจมีปัญหาสมาธิสั้น
นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ เคยระบุว่า โรคดังกล่าว มักพบในผู้หญิง มากกว่าผู้ชาย 5-10 เท่า มีตั้งแต่ไม่แสดงอาการใด ๆ ไปจนถึงระดับรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้ โดยผู้ป่วยมักมีอาการคอพอก เพราะต่อมไทรอยด์โตขึ้น ผู้ป่วยจะรู้สึกหรือเห็นก้อนขนาดใหญ่ที่บริเวณคอ บางรายมีอาการตาโปนร่วมด้วยเรียกว่า โรคคอพอกตาโปน ซึ่งพบได้บ่อยที่สุดประมาณร้อยละ 60-80 ของผู้ป่วยไทรอยด์เป็นพิษทั้งหมด
สำหรับอาการโดยทั่วไป จะเหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย นอนไม่หลับ ใจสั่น มือสั่น ขี้ร้อน อาจมี อารมณ์แปรปรวน หงุดหงิด ร่างกายมีการเผาผลาญสูงกว่าปกติ นํ้าหนักตัวลดลงอย่างรวดเร็ว บางรายอาจมีอาการถ่ายเหลวบ่อยคล้ายท้องเสีย กล้ามเนื้ออ่อนแรงโดยเฉพาะต้นแขนและต้นขา บางรายเป็นเรื้อรังจนเกิดภาวะแทรกซ้อน อาทิ แคลเซียมในเลือดสูง ทำให้กระดูกอ่อนแอ กลายเป็นโรคกระดูกพรุน เพราะร่างกายมีฮอร์โมนไทรอยด์มากไป จนส่งผลต่อความสามารถในการดูดซึมแคลเซียม
ส่วนภาวะที่ไทรอยด์เป็นพิษขั้นวิกฤติ ผู้ป่วยจะมีอาการหัวใจเต้นเร็วมากผิดปกติ มีไข้สูงเกิน 38 องศาเซลเซียส อาเจียน ท้องเสีย ตัวและตาจะเหลือง สับสนมึนงงอย่างรุนแรง มีภาวะขาดน้ำและอาจช็อก หรืออาจมีอาการกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด หัวใจวาย เพราะฉะนั้นโรคไทรอยด์เป็นพิษจึงเป็นเรื่องที่ต้องให้ความสนใจ หากมีอาการควรรีบมาพบแพทย์เพื่อรักษาให้ทันท่วงที หากรักษาช้าอาจทำให้เป็นอันตรายถึงชีวิตได้
โรคไทรอยด์ยังเกี่ยวข้องกับอาหารการกินด้วย โดยอาหารที่ช่วยบำรุงมี 7 กลุ่ม คือ
1.ไอโอดีน ในปลา หอยกาบ กุ้ง หอยนางรม ไข่ กระเทียม ฯลฯ
2.วิตามีนบี ในไข่แดง เครื่องในสัตว์ ปลา ธัญพืชต่าง ๆ ถั่วลันเตา นม เห็ด เมล็ดอัลมอนด์ ฯลฯ
3.ธาตุซีลีเนียม ในปลาทูน่า เห็ด เครื่องในสัตว์ ถั่วเหลือง ฯลฯ
4.สังกะสี ในเมล็ดทานตะวัน เนื้อแกะ ถั่วพีแคน ธัญพืชต่าง ๆ หอยนางรม ปลาซาร์ดีน ฯลฯ
5.ทองแดง ในถั่วเหลือง เห็ดชิตาเกะ ข้าวบาร์เล มะเขือเทศ และดาร์กช็อกโกแลต
6.สารต้านอนุมูลอิสระ ในแครอท ผักโขม ถั่วเลนทิล ถั่วเหลือง ถั่วขาว เครื่องในสัตว์
7.ธาตุเหล็ก ในเครื่องในสัตว์ หอยนางรม ผักโขม ถั่วเหลือง ถั่วขาว และเมล็ดฟักทอง
อย่างไรก็ตามการรับประทานอาหาร ต้องรับประทานให้หลากหลาย เพื่อไม่ให้ร่างกายได้รับบางอย่างมากเกินไป หรือขาดสารอาหารบางประเภทมากเกินไป ซึ่งล้วนแต่มีผลกระทบทั้งสิ้น
ที่มา กระทรวงสาธารณสุข
ภาพจาก AFP/รอยเตอร์