เลขาฯ สปสช.ยืนยันตัดสิทธิ UCEP ไม่กระทบผู้ป่วยโควิด-19

ก่อนที่จะถึงกำหนดในวันที่ 16 มี.ค.65 นี้ ที่กระทรวงสาธารณสุข จะยกเลิกประกาศเรื่องกำหนดผู้ป่วยฉุกเฉินโรคติดต่ออันตราย ตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ กรณีโรคโควิด-19 เป็นโรคฉุกเฉิน จึงให้ผู้ป่วยได้สิทธิ UCEP ไม่สามารถได้รับรักษาฟรีได้ทุกที่ ทุกโรงพยาบาลอีกต่อไป จนทำให้หลายคนกังวล ว่าเมื่อติดโควิด-19 อาจหมายถึงต้องเสียค่ารักษาเอง และไม่ฟรีอย่างที่ผ่านมา

ล่าสุด วันนี้ (15 มี.ค.65) นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่บริหารจัดการนโยบาย UCEP เปิดเผยว่า ผู้ติดเชื้อโควิด-19 จะยังคงได้รับการรักษาจากโรงพยาบาลของรัฐโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

โดยมีเงื่อนไขว่า จะต้องเป็นโรงพยาบาลของรัฐตามสิทธิการรักษาของแต่ละคน เช่น สิทธิประกันสุขภาพถ้วนหน้า หรือ สิทธิบัตรทอง , สิทธิประกันสังคม หรือสิทธิรักษาพยาบาลของข้าราชการ แต่หากเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลเอกชน จะต้องเสียค่าใช้จ่ายเอง

แต่ยังคงมีสิทธิ UCEP Plus คือผู้ป่วยโควิด-19 ที่อาการวิฤต จะยังคงสามารถเข้ารับการรักษาเป็นผู้ป่วยฉุกเฉินในโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดได้เช่นเดิม โดยแพทย์จะเป็นผู้ประเมินอาการและระดับความฉุกเฉินว่าผู้ป่วยรายนั้น ๆ เข้าข่ายที่จะใช้สิทธิ UCEP หรือไม่ ซึ่งยืนยันได้ว่าจะไม่ส่งผลกับผู้ป่วยโควิด-19 เพราะจะเหมือนกับการกลับไปใช้การรักษา ก่อนการระบาดของโควิด-19 

นอกจากนี้ ยังยืนยันว่า แม้จะยกเลิกสิทธิพิเศษสำหรับผู้ป่วยโควิด-19 ไปแล้วก็ตาม แต่กระทรวงสาธารณสุข ยังคงสิทธิ UCEP Plus ขึ้นแทน ซึ่ง UCEP Plus มีกฎเกณฑ์ผู้ป่วยวิกฤติฉุกเฉิน 6 อาการ เพื่อรองรับการรักษาพยาบาลผู้ป่วยโควิด-19 โดยเฉพาะ ซึ่งจะกำหนดให้ผู้ป่วยโควิด-19 ที่มีอาการฉุกเฉินวิกฤติเข้าข่ายสีเหลือง หรือสีแดง สามารถเข้ารับการรักษาพยาบาลกับสถานพยาบาลทุกแห่ง 

ส่วนผู้ติดเชื้อที่ไม่แสดงอาการ หรือสีเขียว ก็จะมีการสนับสนุนให้รักษาแบบกักตัวอยู่ ณ ที่พัก (Home Isolation) กักตัวในชุมชน (Community Isolation) หรือสถานที่กักตัวในโรงแรม (Hotel Isolation) ต่อไป

อย่างไรก็ตาม ในช่วงเย็นของวันนี้ สปสช.จะมีการประชุมร่วมกับโรงพยาบาลเอกชนที่อยู่นอกสังกัดของ สปสช. จำนวน 100 แห่ง เพื่อหารือเรื่องของการรับผู้ป่วยโควิด-19 อาการกลุ่มสีเขียว ให้สามารถยังคงได้รับการรักษาหากมายังโรงพยาบาลเอกชนเหล่านี้ โดยจะได้รับการรักษาในรูปแบบของ "เจอ แจก จบ" ต่อไป.

ภาพจาก ทีมข่าว TNN ช่อง 16