ไต้ฝุ่น “ฟงวอง” จ่อถล่มไต้หวัน สั่งอพยพด่วน-ยกเลิกเที่ยวบินทั่วเกาะ

เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ทางการไต้หวันได้อพยพประชาชนมากกว่า 3,000 คน ออกจากพื้นที่เสี่ยงภัยทั่ว 4 มณฑลและเมือง ก่อนที่ พายุไต้ฝุ่น “ฟงวอง” จะพัดขึ้นฝั่งบริเวณทางตอนใต้ของเกาะ โดยมีการประกาศเตือนภัยทั่วพื้นที่ภาคกลางและภาคตะวันออกของประเทศ

ศูนย์อุตุนิยมวิทยาไต้หวัน คาดว่า พายุ “ฟงวอง” ซึ่งขณะนี้อ่อนกำลังลงจากระดับรุนแรง จะขึ้นฝั่งบริเวณ เมืองท่าหลักเกาสง ทางตะวันตกเฉียงใต้ของเกาะในวันนี้ (12 พ.ย.) ก่อนเคลื่อนผ่านตอนล่างของเกาะและออกสู่มหาสมุทรแปซิฟิกทางด้านตะวันออก ผ่านเขตเมือง “ไถตง” และ “ฮัวเหลียน” ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีประชากรค่อนข้างน้อย

อย่างไรก็ตาม แม้พายุจะถูกปรับลดระดับลงเป็น พายุไต้ฝุ่นกำลังอ่อน แต่เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นยังคงย้ำให้ประชาชนระมัดระวังเป็นพิเศษ โดย นายเฉิน ฉี-ไม นายกเทศมนตรีเมืองเกาสง กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า “แม้ว่าพายุฟงวองจะถูกลดระดับ แต่เราก็ไม่อาจนิ่งนอนใจได้ เพราะฝนตกหนักและลมแรงยังคงเป็นอันตราย”

ขณะที่ ประธานาธิบดีไล่ ชิงเต๋อ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว เรียกร้องให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการเข้าใกล้พื้นที่ภูเขา ชายฝั่งทะเล และพื้นที่เสี่ยงภัยดินถล่ม พร้อมสั่งการให้หน่วยงานท้องถิ่นเตรียมความพร้อมในการอพยพและให้ความช่วยเหลือประชาชน

กระทรวงคมนาคมของไต้หวันเปิดเผยว่า มีเที่ยวบิน ถูกยกเลิกแล้วกว่า 66 เที่ยวบิน ส่วนใหญ่เป็นเที่ยวบินภายในประเทศ เนื่องจากสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวย ขณะที่ทางการใน เมืองฮัวเหลียนและมณฑลอี้หลานได้ออกคำสั่งปิดโรงเรียนและสำนักงานของรัฐเมื่อวานนี้ เพื่อความปลอดภัยของประชาชน

สำหรับเมือง “ซินจู๋” ทางตอนเหนือ ซึ่งเป็นที่ตั้งของบริษัท TSMC ผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์รายใหญ่ที่สุดในโลก ทางการยืนยันว่าพายุลูกนี้จะไม่ส่งผลกระทบโดยตรง แต่ได้มีการเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ พายุฟงวองเคยสร้างความเสียหายอย่างหนักในฟิลิปปินส์ก่อนหน้านี้ โดยทำให้มีผู้เสียชีวิต อย่างน้อย 18 ราย และประชาชนหลายหมื่นคนต้องอพยพหนีน้ำท่วม ก่อนจะเคลื่อนเข้าสู่ไต้หวันในช่วงที่พื้นที่บางส่วนของเกาะยังอยู่ในระหว่างฟื้นฟูจากพายุลูกก่อนหน้าในเดือนกันยายน ซึ่งก็ได้คร่าชีวิตผู้คนไปเท่ากันถึง 18 ราย

รัฐบาลไต้หวันระบุว่า ประชาชนจำนวน 3,337 คน ในพื้นที่เสี่ยงภัย 4 มณฑล ถูกอพยพไปยังศูนย์พักพิงชั่วคราวแล้ว โดยเฉพาะในเขตเมือง “กวงฝู” ซึ่งเคยประสบเหตุน้ำท่วมรุนแรงเมื่อเดือนก่อน โดยเน้นย้ำว่าการอพยพครั้งนี้เป็นมาตรการเชิงป้องกันเพื่อหลีกเลี่ยงความสูญเสียซ้ำรอย