รีเซต

“ผีเสื้อ” กำลังสูญเสียสีสัน เพราะธรรมชาติเริ่มเสื่อมโทรม

“ผีเสื้อ” กำลังสูญเสียสีสัน เพราะธรรมชาติเริ่มเสื่อมโทรม
TNN ช่อง16
10 ตุลาคม 2568 ( 08:36 )
10

ผลการศึกษาล่าสุดจากประเทศบราซิลเผยให้เห็นแนวโน้มที่น่ากังวลว่า “ผีเสื้อกำลังสูญเสียสีสัน” อันเป็นผลมาจากการตัดไม้ทำลายป่าและการเปลี่ยนพื้นที่ป่าธรรมชาติให้เป็นสวนป่าปลูกเชิงเดี่ยว เช่น ยูคาลิปตัส ส่งผลให้สิ่งแวดล้อมที่เคยอุดมสมบูรณ์และหลากหลายทางสี กลายเป็นภูมิทัศน์ที่เรียบ ขาดชีวิตชีวา และบังคับให้สิ่งมีชีวิตต้องปรับตัวให้ “กลมกลืนกับความหม่นหมอง” รอบตัว


งานวิจัยดังกล่าวดำเนินการโดยทีมนักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยโคเปนเฮเกน และมหาวิทยาลัยแห่งรัฐรีโอแกรนดีโดซูล ร่วมกับนักชีววิทยาชาวสเปน “โรแบร์โต การ์เซีย-โรอา” ซึ่งถ่ายภาพและบันทึกข้อมูลในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงใต้ของบราซิล โดยพบว่า ผีเสื้อในพื้นที่ป่าธรรมชาติยังคงมีสีสันสดใสหลากหลาย ทั้งแดง น้ำเงิน เหลือง และเขียว แต่เมื่อเข้าไปในสวนป่ายูคาลิปตัสกลับพบว่า ส่วนใหญ่เป็นผีเสื้อสีน้ำตาลหรือเทาแทบทั้งหมด

นักวิจัยอธิบายว่า สีของผีเสื้อไม่ได้มีไว้เพื่อความสวยงามเท่านั้น แต่เป็นผลลัพธ์ของวิวัฒนาการนับล้านปีที่ช่วยให้พวกมันเอาตัวรอด ทั้งเพื่อดึงดูดคู่ผสมพันธุ์ ซ่อนพรางจากศัตรู หรือสื่อสารกันภายในชนิดพันธุ์ แต่เมื่อสิ่งแวดล้อมสูญเสียความซับซ้อนลง เช่น จากป่าชื้นหลากชนิดกลายเป็นพื้นที่โล่งแห้งและร้อนกว่าเดิม การมีสีสันจัดจ้านกลับกลายเป็น “ข้อเสีย” ที่ทำให้ถูกมองเห็นง่ายในพื้นที่จำกัดและเสี่ยงต่อการถูกล่า


ทีมนักวิจัยเรียกแนวโน้มนี้ว่า “การสูญเสียสีสันของธรรมชาติ” (Discoloration) ซึ่งไม่ได้เกิดกับผีเสื้อเท่านั้น แต่ยังเห็นได้ในระบบนิเวศอื่นทั่วโลก เช่น ปะการังฟอกขาว มหาสมุทรที่เปลี่ยนเป็นสีเขียวมากขึ้น และรุ้งกินน้ำที่เริ่มเห็นได้น้อยลงในเขตเมืองที่มีมลพิษสูง


ข้อมูลภาคสนามจากรัฐเอสปิริตูซานตู (Espírito Santo) พบว่า พื้นที่ป่ายูคาลิปตัสมีผีเสื้อเพียง 21 ชนิด ขณะที่ในป่าธรรมชาติจำนวนสูงถึง 31 ชนิด และมีแนวโน้มว่าความหลากหลายทางสีลดลงอย่างมีนัยสำคัญ “เมื่อผีเสื้อที่มีสีสันหายไปจากพื้นที่หนึ่ง นั่นมักสะท้อนว่าระบบนิเวศกำลังเสื่อมถอย” นักวิจัยระบุ พร้อมชี้ว่า ความหลากหลายของสีในธรรมชาติอาจเป็นตัวชี้วัดสำคัญของสุขภาพระบบนิเวศโดยรวม

จากการสังเกตยังพบด้วยว่า พื้นที่สวนป่ายูคาลิปตัสมีอุณหภูมิสูงกว่า แห้งกว่า และมีแสงแดดส่องถึงมากกว่าป่าร่มชื้นที่ยังสมบูรณ์ ซึ่งทำให้ผีเสื้อบางชนิดไม่สามารถดำรงชีวิตได้ และส่งผลให้ระบบนิเวศโดยรอบสูญเสียสิ่งมีชีวิตอื่นที่พึ่งพากันตามมา


นักวิทยาศาสตร์เตือนว่า หากการตัดไม้ทำลายป่ายังคงดำเนินต่อไป ผีเสื้อที่มีสีสันสวยงามและมีบทบาทเฉพาะทางทางนิเวศวิทยาอาจสูญพันธุ์ไป เหลือเพียงสายพันธุ์ที่ปรับตัวได้ดีในสภาพแวดล้อมเสื่อมโทรม “มันไม่ใช่เพียงการสูญเสียความงามของธรรมชาติ แต่ยังหมายถึงการสูญเสียหน้าที่ทางระบบนิเวศที่อาศัยการสื่อสารผ่านสี เช่น การผสมเกสร หรือการหลีกเลี่ยงผู้ล่า” นักวิจัยเตือน


อย่างไรก็ตาม ยังมีความหวังอยู่ งานวิจัยก่อนหน้าในป่าแอมะซอนพบว่า พื้นที่ที่ได้รับการฟื้นฟูตลอด 30 ปีหลังจากเคยถูกใช้เลี้ยงวัว มีแนวโน้มที่ความหลากหลายของสีผีเสื้อกลับมาเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด นักวิทยาศาสตร์จึงเชื่อว่า “หากเราฟื้นฟูป่าธรรมชาติและลดการทำลายถิ่นอาศัย โลกที่เต็มไปด้วยสีสันก็อาจกลับมาได้อีกครั้ง.”

ข่าวที่เกี่ยวข้อง