ไทยพร้อมก้าวสู่ศูนย์กลาง "ดาต้าเซ็นเตอร์" ล่าสุดลงทุนแล้ว 5,000 เมกะวัตต์

นายจอร์โจ กัมบา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการกลุ่มลูกค้าธุรกิจ ธนาคารเอชเอสบีซี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์ในไทยมีแนวโน้มเติบโตแข็งแกร่ง จากแรงหนุนของเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ในภาคดิจิทัลที่ขยายตัวต่อเนื่อง การขอรับส่งเสริมการลงทุนของคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ช่วง 9 เดือนแรกปี 2568 มูลค่ารวมกว่า 1.3 ล้านล้านบาท โดยในจำนวนนี้กว่า 612,000 ล้านบาท เป็นเรื่องของ Data Center การพัฒนาซอฟต์แวร์ แพลตฟอร์ม และดิจิทัลคอนเทนต์ สะท้อนความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติที่มองไทยเป็นศูนย์กลางเทคโนโลยีของภูมิภาค

ซึ่งเอชเอสบีซีประเมินว่า ภายในปี 2573 ความต้องการใช้บริการดาต้าเซ็นเตอร์ในอาเซียนจะเพิ่มขึ้นกว่า 5 เท่า จากแรงผลักดันของเทคโนโลยีคลาวด์ , AI และIoT ทำให้กำลังรองรับของศูนย์ข้อมูลในภูมิภาคจะเพิ่มเป็น 8.9 กิกะวัตต์ หรือราวร้อยละ 25 ของเอเชียแปซิฟิก โดย 1 ใน 3 ของพลังงานหมุนเวียนในอาเซียนจะถูกใช้ในธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์ ซึ่งจะเป็นโอกาสสำคัญของไทยจากจุดแข็งด้านเสถียรภาพพลังงาน ความเร็วอินเทอร์เน็ต เครือข่าย 5G ทำเลศูนย์กลางอาเซียน และสิทธิประโยชน์การลงทุนจาก BOI ช่วยเสริมให้ไทยพร้อมก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางดาต้าเซ็นเตอร์แห่งใหม่ของภูมิภาค ซึ่งเอชเอสบีซี ผู้ให้บริการด้านการเงินและคำปรึกษาการลงทุนพร้อมให้การสนับสนุนการลงทุน Data Center อย่างเต็มที่

ทั้งนี้ข้อมูลล่าสุดของการ Data Center ในประเทศไทย นายก่อกิจ ด่านชัยวิจิตร รองเลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เปิดเผยว่า ปีนี้มีโครงการ  Data Center ที่อยู่ระหว่างก่อสร้างราว 5,000 เมกะวัตต์ เม็ดเงินลงทุนรวมประมาณ 9 แสนล้านบาท ซึ่งการดำเนินการจะทยอยแล้วเสร็จภายในปี 2569 ซึ่งนักลงทุนเลือกเพราะความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐาน สิทธิประโยชน์ รวมถึงสนับสนุนการใช้พลังงานหมุนเวียน 

อย่างไรก็ตาม EEC ยังต้องประเมินถึงความสามารถในการรองรับ Data Center เพราะไม่ใช่แค่เพียงพื้นที่ แต่ยังมีสาธารณูปโภค น้ำและไฟ ที่ต้องบริการจัดการไม่ให้ส่งผลกระทบต่อประชาชน ไปพร้อมกับการเติบโตเพื่อก้าวสู่การเป็นศูนย์กลาง Data Center ในภูมิภาค 

ด้านนายฐนสรณ์ ใจดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทรู ไอดีซี จำกัด ผู้นำด้านบริการดาต้าเซ็นเตอร์และคลาวด์ของไทย กล่าวว่า อุตสาหกรรมดาต้าเซ็นเตอร์ไม่ใช่เพียงโครงสร้างพื้นฐาน แต่เป็นจุดเริ่มต้นของระบบนิเวศเศรษฐกิจดิจิทัล ที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจยุคใหม่ของไทยในระยะยาว โดยไทยมีศักยภาพสูงในการพัฒนาเทคโนโลยีได้เอง ด้วยบุคลากรด้านวิศวกรรมคุณภาพและระบบการศึกษาที่สามารถต่อยอดสู่ทักษะใหม่ ซึ่งการเติบโตของอุตสาหกรรมนี้จะต่อยอดไปสู่อุตสาหกรรมซอฟต์แวร์และ AI และเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญให้ประเทศไทยก้าวสู่ยุคอุตสาหกรรม 5.0 อย่างเต็มรูปแบบ