ตำรวจฉุนโดนถ่ายรูปรถ เรียกพวกมาลากหนุ่ม21ไปโรงพัก ก่อนฉวยโอกาสปิดไฟ-วางมวยใส่
นครพนม ทำฉาวอีกวงการตำรวจ อดีตผู้ใหญ่บ้านนำคลิปแฉ ตำรวจยศสิบตรี สภ.นาโดน อ.เรณูนคร สุดกร่างทำร้ายลูกชาย วางมวยบนโรงพัก หลังไม่พอใจถูกผู้เสียหายถ่ายรูปรถยนต์ เข้าใจว่าเป็นคู่กรณีชนรถจักรยานยนต์เพื่อน สุดท้ายตำรวจโชว์กร่างเรียกรถยนต์สายตรวจ พร้อมพวก มาคุมตัวไปโรงพัก เคลียร์ปัญหา ขู่เอาผิดจับตรวจฉี่ แต่ฉวยโอกาสวางมวยต่อยหลายหมัด บนโรงพัก ก่อนถูกบันทึกคลิปพฤติกรรมฉาว เรียกร้องขอความเป็นธรรม พ่อเสนอให้ย้ายออกจากพื้นที่โดยเร็ว ด้าน ตำรวจหัวหน้าสถานีเผยอยู่ระหว่างตรวจสอบข้อเท็จจริง
เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ จ.นครพนม ภายหลังมีการเผยแพร่คลิปพฤติกรรมตำรวจสุดกร่าง ทำร้ายร่างกายประชาชน บนโรงพัก สภ.นาโดน อ.เรณูนคร จ.นครพนม เผยแพร่ตามสื่อต่างๆ จนกระทั่งมีการตรวจสอบพบว่า ผู้เสียหาย ที่นำคลิปออกมาแฉพฤติกรรมตำรวจ คือ นายอนุชิต เพ็ชรรัตน์ อายุ 49 ปี ชาวบ้านดงมะเอก ต.โพนทอง อ.เรณูนคร จ.นครพนม อดีตผู้ใหญ่บ้านดงมะเอก เป็นคนบันทึกภาพเหตุการณ์ดังกล่าว เป็นหลักฐานออกมาร้องเรียน ขอความเป็นธรรม เพื่อเอาผิดตำรวจผู้ก่อเหตุ ทำร้ายร่างกายชกต่อยลูกชาย คือ นายณัฐนนท์ เพ็ชรรัตน์ หรือนนท์ อายุ 21 ปี จนได้รับบาดเจ็บบริเวณใบหน้า และมีแผลฟกช้ำตามร่างกาย หลายจุด เหตุเกิดเวลาประมาณ 21.45 น. วันที่ 16 ตุลาคม 2565 บนห้อง ศปก. ชั้น 2 ของ สถานีตำรวจ สภ.นาโดน ภายหลัง ทางพ่อผู้ถูกทำร้าย ได้นำลูกชายไปตรวจร่างกายเป็นหลักฐานที่โรงพยาบาลเรณูนคร เตรียมแจ้งความดำเนินคดีตามกฎหมาย หากทางตำรวจระดับผู้บังคับบัญชา ไม่ยอมพาตำรวจผู้ก่อเหตุ มาเจรจาไกล่เกลี่ย ชดเชยเยียวยา พร้อมเสนอให้ย้ายตำรวจ ยศสิบตำรวจตรี นายดังกล่าวที่ก่อเหตุ ออกจากพื้นที่โดยเร็ว เบื้องต้นทราบว่า ทางด้าน พ.ต.ท.บุญรักษ์ เชิดชู หัวหน้าสถานีตำรวจ สภ.นาโดน อ.เรณูนคร อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริง และมีการประสานเจรจาไกล่เกลี่ยกับผู้เสียหาย ในวันที่ 20 ตุลาคม 2565 ทั้งนี้ ทางผู้เสียหายพร้อมจะไกล่เกลี่ย แต่ยื่นข้อเสนอให้ย้ายตำรวจที่ก่อเหตุออกจากพื้นที่ เท่านั้น
เบื้องต้นจากการสอบถามข้อมูล นายอนุชิต เพ็ชรรัตน์ อายุ 49 ปี พ่อหนุ่มที่ถูกตำรวจชกต่อยทำร้ายร่างกาย ให้ข้อมูลว่า ในช่วงคืนวันที่ 16 ตุลาคม 2565 ตนได้ไปนั่งกินข้าว ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ ต.โคกหินแฮ่ อ.เรณูนคร จ.นครพนม ห่างจากโรงพัก ประมาณ 1 กิโลเมตร โดยมีลูกชายนั่งด้วย จากนั้นได้มีรถยนต์กระบะ โตโยต้า 4 ประตูสีขาว มาจอด บริเวณหน้าร้าน ภายหลังทางลูกชาย จึงออกไปตรวจสอบและนำโทรศัพท์มือถือมาถ่ายรูปรถยนต์คันดังกล่าวไว้เป็นหลักฐาน เพราะเข้าใจว่าเป็นรถยนต์คู่กรณีที่เคยเกิดอุบัติเหตุ ชนรถจักรยานยนต์ของเพื่อน จึงหวังจะบันทึกภาพไปตรวจสอบเป็นหลักฐาน เป็นเหตุให้เจ้าของรถยนต์ ซึ่งเป็นตำรวจคู่กรณีในคลิป ไม่พอใจเนื่องจากบันทึกภาพรถยนต์ดังกล่าว พร้อมสอบถามว่า บันทึกไปเพื่ออะไร ซึ่งตนและลูกชายได้อธิบาย และพร้อมขอโทษ แต่ตำรวจนายดังกล่าว ไม่ฟังเหตุผล มีพฤติกรรมกร่างไม่พอใจ และเรียกรถยนต์สายตรวจ สภ.นาโดน พร้อมตำรวจนอกเครื่องแบบ ประมาณ 4 -5 นาย มาเชิญตนกับลูกชายไป ที่โรงพัก
โดยตนขอไปรถยนต์ส่วนตัวเพราะเกรงจะไม่ปลอดภัย และให้ตำรวจคู่กรณีนั่งไปด้วย จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดเมื่อถึงโรงพัก เนื่องจากตำรวจคู่กรณี พร้อมพวก คุมตัวลูกชายของตนไปในห้องเกิดเหตุตามคลิป พร้อมปิดไฟ ข่มขู่ให้ลูกชายตรวจปัสสาวะ แต่ตนได้ยืนยันให้ตรวจต่อหน้า แต่ตำรวจไม่ยอมคุมตัวเข้าห้องปิดไฟ ทำร้ายชกต่อยวางมวยกับลูกชายของตน จึงพยายามเข้าไปช่วยและให้ญาติบันทึกคลิปภาพเหตุการณ์เป็นหลักฐาน เพื่อขอความเป็นธรรมกับต้นสังกัด และผู้บังคับบัญชา เพราะถือว่าเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุ โดยเสนอให้มีการย้ายตำรวจนายดังกล่าวออกจากพื้นที่ และชดเชยเยียวยา พร้อมจะให้อภัย ทั้งนี้หลังเกิดเหตุทางตำรวจคู่กรณี ได้มาเจรจาขอไกล่เกลี่ย แต่ตนไม่ยินยอม เพราะต้องการให้ออกจากพื้นที่ และรอผู้บังคับบัญชาหัวหน้าสถานี สภ.นาโดน ดำเนินการตรวจสอบเอาผิดทางวินัย ซึ่งยังไม่ได้แจ้งความดำเนินคดี รอผลการเจรจรา พร้อมนำคลิปหลักฐานออกมาแฉถึงพฤติกรรมไม่เหมาะสมของตำรวจนายดังกล่าว และไม่ต้องการให้ก่อเหตุซ้ำอีก
ภายหลังทางผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปสอบถามพูดคุยกับ นางปรียานุช เชื้อบริบูรณ์ อายุ 51 ปี แม่ผู้เสียหาย ที่บ้านพัก บ้านดงมะเอก ต.โพนทอง อ.เรณูนคร จ.นครพนม เปิดเผยว่า เหตุการณ์ดังกล่าวตนรู้สึกไม่พอใจ และยังคาใจกับพฤติกรรมของตำรวจที่ก่อเหตุทำร้ายร่างกายลูกชายของตน อย่างไรก็ตามตนจะขอเอาผิดให้ถึงที่สุด ถึงแม้จะมีคู่กรณีมาเจรจาไกล่เกลี่ยไปแล้ว แต่ยังไม่พอใจ รอผู้บังคับบัญชาหัวหน้าสถานีมาพูดคุย และดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
ส่วน นายณัฐนนท์ เพ็ชรรัตน์ หรือนนท์ อายุ 21 ปี ผู้เสียหายถูกทำร้ายร่างกาย ว่า วันเกิดเหตุตนรับประทานอาหารกับพ่อที่ร้านแห่งหนึ่ง หลังเจอรถยนต์กระบะสีขาว คล้ายรถยนต์คู่กรณีที่เกิดอุบัติเหตุชนรถจักรยานยนต์กับคู่กรณี ที่เป็นเพื่อนกัน จึงนำโทรศัพท์มือถือมาบันทึกภาพไว้ และเกิดความไม่พอใจกับเจ้าของรถ ทั้งที่ตนพยายามอธิบายเหตุผล และไม่รู้ว่าเจ้าของรถยนต์ดังกล่าวเป็นตำรวจ จนกระทั่งมีการเรียกรถยนต์สายตรวจ พร้อมตำรวจนอกเครื่องแบบมาคุมตัวไปเจรจา ที่โรงพัก ตนได้ยินยอมไปด้วยความบริสุทธิ์ใจ แต่ขอขึ้นรถยนต์ไปเองกับพ่อ แต่พอถึงโรงพักกับถูกข่มขู่ และทำร้ายร่างกายแบบไม่คาดคิด โชคดีที่มีพ่อไปด้วย หากไม่มีพ่อติดตามไปตนไม่รู้ว่าจะโดนอะไรบ้าง ยังรู้สึกตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จึงอยากให้ตำรวจคู่กรณีมาเจรจาไกล่เกลี่ยเยียวยา เพื่อความเป็นธรรม เพราะตนไม่ได้กระทำผิดกฎหมาย แต่ยังมาถักตำรวจทำร้ายอีก