รีเซต

‘ททท.’ ย้ำต้องดัน ‘ภูเก็ต’ เปิดรับต่างชาตินำร่อง สหรัฐฯ จ่อเที่ยว 20 คน หากล่มต้องรอยาว 1 ปีเต็ม

‘ททท.’ ย้ำต้องดัน ‘ภูเก็ต’ เปิดรับต่างชาตินำร่อง สหรัฐฯ จ่อเที่ยว 20 คน หากล่มต้องรอยาว 1 ปีเต็ม
มติชน
1 มิถุนายน 2564 ( 05:52 )
117

 

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า การเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ภายใต้รูปแบบแซนด์บ๊อกซ์ นำร่องผ่านภูเก็ตโมเดล โดยจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2564 เบื้องต้นยังยืนยันว่าจะต้องเปิดเมืองภูเก็ตรองรับต่างชาติให้ได้ เพราะเป็นการนำร่องที่สำคัญมาก เนื่องจากภูเก็ตจะเป็นบททดสอบ เพื่อพิสูจน์การบริหารจัดการความเสี่ยงในการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติในระยะถัดไป หรือไตรมาส 4/2564 รวมเป็น 10 พื้นที่ อาทิ กระบี่ เชียงใหม่ พัทยา กรุงเทพฯ และบุรีรัมย์ โดยเงื่อนไขรับต่างชาติ เน้นเป็นผู้ที่ได้รับวัคซีนครบโดส จนเกิดภูมิคุ้มกันขึ้น และเป็นผู้ที่มาจากประเทศความเสี่ยงต่ำและกลาง โดยให้ความสำคัญกับสายพันธุ์ไวรัสมากกว่าจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด โดยเฉพาะไวรัสสายพันธุ์ที่ยังไม่ได้รับความไว้วางใจในการควบคุมจากวัคซีน อาทิ สายพันธุ์แอฟริกา อินเดีย ที่มีความกังวลจากสาธารณสุข ซึ่งจะมีการประกาศออกมาภายในวันที่ 4 มิถุนายนนี้ ว่าสายพันธุ์ใด มีความเสี่ยงและไม่สามารถเข้ามาเที่ยวภูเก็ตได้บ้าง โดยจากการสำรวจความต้องการมาเที่ยวของต่างชาติ พบว่า ในวันที่ 3 กรกฎาคม 2564 จะมีนักท่องเที่ยวจากสหรัฐฯ จำนวน 20 คนที่ฉีดวัคซีนป้องกันโควิดครบโดสแล้ว เข้ามาในภูเก็ตโมเดล ซึ่งถือเป็นกลุ่มแรกที่เดินทางเข้ามาเที่ยวไทยตามแผนการเปิดประเทศรับต่างชาติแบบไม่ต้องกักตัว โดยจะมีสำนักข่าว CNN ส่งทีมเข้ามาทำข่าวความพร้อมของจังหวัดภูเก็ต ในการรองรับต่างชาติ เพื่อเผยแพร่ทั่วโลกด้วย โดย ททท.ตั้งเป้าในไตรมาสที่ 3/2564 (กรกฎาคม-กันยายน) จะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวภูเก็ตรวม 1.29 แสนคน เป็นนักท่องเที่ยวจากสหรัฐฯ และยุโรป เป็นต้น

 

 

นายยุทธศักดิ์ กล่าวว่า เมื่อเปิดให้ต่างชาติเข้ามาเที่ยวภูเก็ตแล้ว จะควบคุมไม่ให้นักท่องเที่ยวเหล่านั้นทำผิดเงื่อนไขหรือกฎระเบียนที่กำหนดไว้อย่างไร อาทิ ต้องพักในโรงแรมที่ได้มาตรฐานความปลอดภัยเอสเอชเอให้ครบ 7 วัน แต่อาจพักเพียง 5 วัน อีก 2 วันเปลี่ยนไปพักโรงแรมอื่น หรือกำหนดให้ต้องอยู่ภูเก็ต 7 วัน แต่อยู่ครบ 5 วัน ก็จะออกไปเที่ยวที่อื่นแล้ว มองว่าส่วนนี้จะต้องช่วยกันระหว่างผู้ประกอบการเอกชนและรัฐบาล เพราะโรงแรมที่รับต่างชาติมีข้อมูลอยู่แล้ว รู้ว่าลูกค้ามีเท่าใด ต้องอยู่กี่วัน และหากจะออกจากพื้นที่ก่อนกำหนด จะต้องทำอย่างไร เพราะขณะนี้จะมองแค่การรับต่างชาติในไตรมาส 3 จำนวนแสนกว่าคนไม่ได้ แต่ต้องมองไปถึงไตรมาส 4/2564 ด้วย เพราะหากการนำร่องภูเก็ตทำได้ไม่ดี มีนักท่องเที่ยวหลุดออกนอกพื้นที่ และเกิดการติดเชื้อใหม่ขึ้น ผลกระทบต่อการเปิดรับต่างชาติแบบไม่กักตัวในไตรมาส 4/2564 รวม 10 พื้นที่ ซึ่งไตรมาส 4 จะเป็นฤดูกาลท่องเที่ยวของต่างชาติ หากปีนี้ไม่สามารถเปิดได้ตามแผน ต้องรออีก 1 ปีเต็ม ในการกลับมาเที่ยวของต่างชาติอีกครั้ง ปี 2565 จึงจะวนกลับเข้าฤดูกาลท่องเที่ยวใหม่ ทำให้ความสำเร็จของภูเก็ตโมเดล จะเป็นความสำเร็จของพื้นที่อื่น และการเปิดประเทศรับต่างชาติในภาพรวมที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ภาคเอกชนจึงต้องร่วมมือกัน เพราะหากเกิดการหลุดรอดจนติดเชื้อรอบใหม่ขึ้น ไม่ใช่แค่คนภูเก็ตที่ถูกต่อว่าเท่านั้น แต่เป็นความเสียหายต่อคนในภาคการท่องเที่ยวทั้งหมด เพราะพยายามผลักดันให้เปิดเมืองรับต่างชาติมาตลอด ทำให้ต้องช่วยการดูแลควบคุม และป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ไม่ดีขึ้น

 

 

 

นายยุทธศักดิ์ กล่าวว่า ททท. วางแผนทำงาน 3 เรื่อง ได้แก่ 1.การประสานขอวัคซีนฉีดให้กับคนภาคท่องเที่ยวโดยเฉพาะ จำนวน 3.5 ล้านโดส 2.แผนพัฒนาเมืองที่ชัดเจน หลังเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ อาทิ การปรับสมดุลย์ระหว่างดีมานด์และซัพพลาย การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งถนน สะพาน และแหล่งท่องเที่ยว เพราะหวังว่าเมื่อนักท่องเที่ยวต่างชาติกลับมาแล้ว จะต้องพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวไทยให้เกิดความประทับใจมากขึ้น เนื่องจากต่างชาติที่จะกระตุ้นให้เข้ามา เป็นกลุ่มมีศักยภาพในการใช้จ่ายสูง จึงต้องพยายามทำให้เกิดความประทับใจในการท่องเที่ยวมากที่สุด ซึ่งส่วนนี้ภูเก็ตสามารถจัดทำแผนออกมาได้ดีและพร้อมทุกด้าน และ 3.แผนกระตุ้นการตลาด ที่ทำทั้งระยะใกล้และระยะไกล โดยยอมรับว่า ตลาดระยะใกล้ในช่วงไตรมาส 3/2564 อาทิ ญี่ปุ่น เกาหลี จีน และอินเดีย น่าจะยากในการดึงดูดในเข้ามา เพราะยังเห็นการระบาดโควิดในแต่ละประเทศอยู่ รวมถึงนโยบายการไม่อนุญาตให้พลเมืองเดินทางออกนอกประเทศด้วย ทำให้การคาดหวังที่ตลาดหลักเหล่านี้จะกลับมาท่องเที่ยวในประเทศไทยอีกครั้ง อาจสามารถเข้ามาได้บ้าง แต่คงไม่ได้มากเหมือนช่วงปกติ

 

 

“จากเดิมที่วางเงื่อนไขอยู่ครบ 7 วันในภูเก็ตแล้ว สามารถเดินทางไปได้ทั่วประเทศ ขอให้รอความชัดเจนจากศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ประกาศอีกครั้ง เนื่องจากปัจจุบันสถานการณ์การติดเชื้อในประเทศมีเพิ่มขึ้น จึงต้องรอการพิจารณาจากศบค. เพราะททท.ใช้เงื่อนไขที่สอดคล้องกับประกาศของศบค.กำหนดไว้อยู่แล้ว โดยแม้เห็นสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ออกมาปรับลดเป้าหมายนักท่องเที่ยวต่างชาติในปี 2564 ลงเหลือ 5แสนคน ททท.ได้หารือร่วมกับนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ซึ่งยังคงเป้าตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยปีนี้ไว้ที่ 3-4 ล้านคน ตามเป้าหมายเดิมที่มีการปรับลดลงแล้ว เพื่อกระตุ้นในการทำงาน เพราะหากต่างชาติเที่ยวไทยแค่ 5 แสนคนจริง จะทำให้ผู้ประกอบการเหนื่อยมากขึ้นไปอีก” นายยุทธศักดิ์ กล่าว

 

 

นายศิริปกรณ์ เชี่ยวสมุทร รองผู้ว่าการด้านตลาดยุโรป แอฟริกา ตะวันออกกลางและอเมริกา ททท. เปิดเผยว่า ในวันที่ 4 มิ.ย.จะเสนอให้ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์เศรษฐกิจ (ศบศ.) พิจารณากรณีที่มีจังหวัดขอเปลี่ยนไทม์ไลน์ในการเปิดรับนักท่องเที่ยวใหม่ ประกอบด้วย จ.กระบี่ ในพื้นที่เกาะพีพี ไร่เล เกาะไหง ขอเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม โดยกักตัวในรูปแบบ 1+2+4 คือ วันที่ 1 กักตัว 100% ในห้องพัก วันที่ 2-3 สามารถใช้บริการและทำกิจกรรมต่าง ๆ นอกห้องพักในบริเวณโรงแรมได้ วันที่ 4-7 สามารถท่องเที่ยวได้ตามเส้นทางและโปรแกรมท่องเที่ยวที่กำหนดไว้ โดยให้ตรวจเชื้อโควิด ด้วยวิธี RT-PCR ในวันที่ 4-5 และเดือนสิงหาคม ขยายไปยังเกาะลันตา อ่าวนาง และทับแขก ส่วนเกาะสมุย เกาะพงัน เกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี ขอเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติในเดือนกรกฎาคมนี้ โดยจำกัดพื้นที่และท่องเที่ยวระบบปิด ในรูปแบบ 0+3+4 คือ วันที่ 0 ตรวจ RT-PCR ครั้งที่ และพักผ่อนใบห้องพักเท่านั้น วันที่ 1-3 สามารถใช้บริการและทำกิจกรรมต่างๆ นอกห้องพักในบริวณโรงแรมได้ วันที่ 4-7 ท่องเที่ยวได้ในอำเภอเกาะสมุย ตามเส้นทางและโปรแกรมที่กำหนดไว้ และตรวจ RT-PCR ครั้งที่ 2 และวันที่ 8-14 ท่องเที่ยวได้ภายในพื้นที่เกาะสมุย เกาะพะงัน และเกาะเต่า นอกจากนี้ จ.เชียงใหม่ ขอเริ่มตั้งแต่เดือนสิงหาคม โดยกักตัวในโรงแรมเป็นเวลา 7 คืน ในอ.เมือง อ.แม่ริม อ.แม่แตง และดอยเต่า โดยสามารถออกนอกห้องพัก และออกไปทำกิจกรรมในเส้นทางที่กำหนด หรือ Sealed routes ได้

ข่าวที่เกี่ยวข้อง