เช็กด่วน! CAAT สั่งห้าม "บินโดรน" ในบางอำเภอพื้นที่ 7 จังหวัด 16-30 พ.ย. 68

ห้ามบินโดรนในบางอำเภอพื้นที่ 7 จังหวัด ตั้งแต่วันที่ 16-30 พ.ย. 68
สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) หรือ CAAT ออกประกาศฉบับที่ 10 เรื่อง “ห้ามบังคับหรือปล่อยอากาศยานซึ่งไม่มีนักบิน (Drone) ในพื้นที่ที่อาจกระทบต่อความมั่นคงของประเทศในช่วงสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา” โดยขณะนี้สถานการณ์ภาพรวมยังอยู่ในระดับที่ต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด หน่วยงานด้านความมั่นคงได้ประสาน CAAT ให้ยังคงกำหนดพื้นที่ห้ามบินโดรนโดยเด็ดขาดในระดับอำเภอของ 7 จังหวัด มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 16-30 พฤศจิกายน 2568 หรือจนกว่าจะมีประกาศเปลี่ยนแปลง
พื้นที่ที่ห้ามบินเด็ดขาด
พื้นที่ในระดับอำเภอใน 7 จังหวัด ได้แก่
-จังหวัดสระแก้ว อำเภอคลองหาด อำเภออรัญประเทศ อำเภอโคกสูง และอำเภอตาพระยา
-จังหวัดบุรีรัมย์ อำเภอละหานทราย และอำเภอบ้านกรวด
-จังหวัดศรีสะเกษ อำเภอภูสิงห์ อำเภอขุนหาญ และอำเภอกันทรลักษ์
-จังหวัดสุรินทร์ อำเภอพนมดงรักษ์ อำเภอกาบเชิง อำเภอสังขะ และอำเภอบัวเชด
-จังหวัดอุบลราชธานี อำเภอเขมราฐ อำเภอนาดาล อำเภอโพธิ์ไทร อำเภอศรีเมืองใหม่ อำเภอโขงเจียม อำเภอสิรินธร อำเภอบุณฑริก อำเภอนาจะหลวย และอำเภอน้ำยืน
-จังหวัดตราด อำเภอเมืองตราด อำเภอบ่อไร่ และอำเภอคลองใหญ่
-จังหวัดจันทบุรี อำเภอเมืองจันทบุรี อำเภอโป่งน้ำร้อน และอำเภอสอยดาว
- พื้นที่รัศมี 9 กิโลเมตร (5 ไมล์ทะเล) รอบสนามบินที่กำหนด
- พื้นที่ที่หน่วยงานด้านความมั่นคงประกาศเพิ่มเติมเป็นการเฉพาะ
โดยมีเงื่อนไขในการทำการบิน ดังนี้
- ผู้ใช้งานต้องขึ้นทะเบียนผู้บังคับโดรนและโดรนกับ CAAT ให้ถูกต้องครบถ้วน
- ยื่นคำขออนุญาตปฏิบัติการบินล่วงหน้าอย่างน้อย 3 วัน ผ่านระบบแอปพลิเคชัน UAS Portal หรือ uasportal.caat.or.th
- ปฏิบัติการบินที่ความสูงไม่เกิน 90 เมตร (300 ฟุต) เหนือพื้นดิน
- สามารถบินได้ในเวลา 06.00–18.00 น. หากต้องการบินนอกช่วงเวลาดังกล่าว ต้องขออนุญาตจาก CAAT แต่ห้ามบินในช่วงเวลา 00.01–04.00 น. ทุกกรณี
- เมื่อได้รับอนุญาตให้ปฏิบัติการบินแล้ว ก่อนการปฏิบัติการบินทุกครั้ง ให้ผู้ได้รับอนุญาตแจ้งข้อมูลพื้นที่ ที่ปฏิบัติการบิน วันและเวลา และวัตถุประสงค์การปฏิบัติการบินต่อ CAAT ผ่านแอปพลิเคชัน UAS Portalและแจ้งต่อ ศบตอ.น. อีเมล : antidrone.police@gmail.com
- การปฏิบัติการบินที่แตกต่างจากเงื่อนไขที่กำหนด ต้องยื่นคำขออนุญาตและเอกสารเพิ่มเติมต่อ CAAT ผ่าน UAS Portal
CAAT ระบุว่า การออกประกาศฉบับที่ 10 เป็นผลจากการประเมินสถานการณ์ร่วมกับหน่วยงานด้านความมั่นคงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งพบว่ายังมีบางพื้นที่ที่จำเป็นต้องคงมาตรการห้ามบินเพื่อรองรับการปฏิบัติการด้านความมั่นคงที่ยังคงดำเนินอยู่
ขณะเดียวกัน CAAT ให้ความสำคัญกับวิถีชีวิตของประชาชนและภาคธุรกิจ จึงผ่อนคลายข้อจำกัดให้สามารถใช้งานโดรนได้ในเกือบทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ภายใต้เงื่อนไขที่กำหนดอย่างเข้มงวด
ทั้งนี้ CAAT จะติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชาอย่างใกล้ชิด และพร้อมทบทวนมาตรการให้สอดคล้องกับสภาพความมั่นคงในแต่ละช่วงเวลา เพื่อให้การใช้งานโดรนของประเทศเป็นไปอย่างสมดุล ปลอดภัย และไม่กระทบต่อการรักษาความสงบเรียบร้อยของประเทศ
CAAT ระบุว่า การออกประกาศฉบับที่ 10 เป็นผลจากการประเมินสถานการณ์ร่วมกับหน่วยงานด้านความมั่นคงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งพบว่ายังมีบางพื้นที่ที่จำเป็นต้องคงมาตรการห้ามบินเพื่อรองรับการปฏิบัติการด้านความมั่นคงที่ยังคงดำเนินอยู่ ขณะเดียวกัน CAAT ให้ความสำคัญกับวิถีชีวิตของประชาชนและภาคธุรกิจ จึงผ่อนคลายข้อจำกัดให้สามารถใช้งานโดรนได้ในเกือบทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ภายใต้เงื่อนไขที่กำหนดอย่างเข้มงวด ทั้งนี้ CAAT จะติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชาอย่างใกล้ชิด และพร้อมทบทวนมาตรการให้สอดคล้องกับสภาพความมั่นคงในแต่ละช่วงเวลา เพื่อให้การใช้งานโดรนของประเทศเป็นไปอย่างสมดุล ปลอดภัย และไม่กระทบต่อการรักษาความสงบเรียบร้อยของประเทศ
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
