รีเซต

ชัชชาติ กางบทเรียนเพลิงไหม้สำเพ็ง จ่อคุยเข้มการไฟฟ้าฯ สั่งเขตสำรวจ 'จุดเสี่ยง' เร่งตัดสายสื่อสารที่ไม่ใช้งาน

ชัชชาติ กางบทเรียนเพลิงไหม้สำเพ็ง จ่อคุยเข้มการไฟฟ้าฯ สั่งเขตสำรวจ 'จุดเสี่ยง' เร่งตัดสายสื่อสารที่ไม่ใช้งาน
มติชน
26 มิถุนายน 2565 ( 18:10 )
106
ชัชชาติ กางบทเรียนเพลิงไหม้สำเพ็ง จ่อคุยเข้มการไฟฟ้าฯ สั่งเขตสำรวจ 'จุดเสี่ยง' เร่งตัดสายสื่อสารที่ไม่ใช้งาน

เมื่อวันที่  26 มิถุนายน เวลาประมาณ 16.30 น.นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯกทม. ลงพื้นที่บริเวณจุดเกิดไฟไหม้สำเพ็ง พร้อมด้วยนางสาวทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าฯ กทม.

 

นายชัชชาติกล่าวว่า สาเหตุของเพลิงไหม้ครั้งนี้ เท่าที่ฟังข้อมูลเบื้องต้น เกิดจากหม้อแปลงระเบิด และลุกลาม ประกอบกับวัตถุที่อยู่ภายในอาคารส่วนใหญ่เป็นพลาสติก จึงทำให้ลามเร็วขึ้น เหตุการณ์ครั้งนี้ในส่วนของภาครัฐ คงต้องมาทบทวนประเด็นเกี่ยวกับหม้อแปลงและสายสื่อสารซึ่งมีนโยบายอยู่แล้ว แต่ต้องรีบเร่งตัดสายที่ไม่ใช้ เพราะตัวฉนวนด้านนอกมีวัสดุที่ติดไฟได้ อีกส่วนหนึ่งคือเจ้าของอาคารแต่ละครัวเรือนต้องตรวจสอบเครื่องใช้ไฟฟ้าว่าอยู่ในมาตรฐานในระดับที่ดีหรือไม่ อาคารที่มีความเสี่ยงมากขึ้นคืออาคารที่มีเชื้อเพลิงภายในอยู่จำนวนมาก ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้ความรุนแรงมีมากขึ้น

 

เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามประเด็นที่เจ้าของอาคารระบุว่าเกิดเหตุหม้อแปลงระเบิดก่อนหน้านี้หลายครั้ง จากนี้จะดำเนินการต่อไปอย่างไร นายชัชชาติกล่าวว่า เหตุการณ์ครั้งนี้คือบทเรียนราคาแพง ที่ต้องนำไปปรับปรุง โดยต้องประสานการไฟฟ้านครหลวงอย่างเข้มข้น เพราะเป็นผู้รับผิดชอบตรงนี้โดยตรง ส่วนกทม.จะช่วยประสานตรงจุดเสี่ยงแต่ละส่วน ให้แต่ละเขตสำรวจจุดเสี่ยงของตัวเองด้วย รวมถึงพูดคุยกับประชาชนและหาจุดเสี่ยงเพิ่ม ส่วนเรื่องค่าเสียหายที่มีผู้สอบถามว่าจะสามารถเรียกร้องจากการไฟฟ้าฯ โดยกทม.เป็นฝ่ายประสานให้ได้หรือไม่ นายชัชชาติกล่าวว่า เป็นเรื่องทางกฎหมาย กทม.ไม่ได้เกี่ยวโดยตรง แต่หากศาลต้องการให้ไปเป็นพยานในรายละเอียด ก็พร้อมให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย

 

“การไฟฟ้าให้ความร่วมมือกันดีตลอดมา เรื่องนี้เป็นบทเรียน มีเรื่องหลายเรื่องที่ต้องคุยอยู่แล้ว พอดีเลยจะได้คุยกันทีเดียว ทั้งเรื่องไฟดับตามถนนหนทางต่างๆ การให้แสงสว่างความปลอดภัย เรื่องหม้อแปลง และเรื่องสายสื่อสารที่แขวนอยู่บนเสาไฟฟ้าปักอยู่ในเขตกทม. เพราะฉะนั้นจึงเกี่ยวเนื่องเป็นเรื่องเดียวกันที่ต้องคุยกับทางการไฟฟ้าฯ หวังว่าเหตุการณ์จะไม่เกิดซ้ำซากอีก และต้องหารืออย่างใกล้ชิด คิดว่าการไฟฟ้านครหลวงมีศักยภาพที่จะดูแลชีวิตพี่น้องประชาชนอยู่แล้ว เพราะเป็นหน้าที่โดยตรง เรื่องงบประมาณไม่ใช่ปัญหาของทางการไฟฟ้านครหลวง เพราะฉะนั้นต้องรีบหารือและดูจุดที่มีความเสี่ยงเลย แต่ถ้าประชาชนมีจุดไหนที่มีความเสี่ยง แจ้งมาทางเพจได้ ถ้าแจ้งเข้ามาจะมีคนรับเรื่องประสานกับทางการไฟฟ้าฯอีกทีหนึ่ง” นายชัชชาติกล่าว

 

เมื่อสอบถามว่าจะมีการควบคุมดูแลร้านค้าที่จำหน่ายพลาสติกหรือไม่ นายชัชชาติกล่าวว่า เข้าใจว่ากฎหมายยังไม่มีการกำหนดปริมาณเชื้อเพลิงในอาคาร เรื่องนี้ตนว่าต้องเริ่มจากตัวเองก่อน สำรวจความเสี่ยงในพื้นที่ก่อนว่าใครมีขยะพลาสติกเยอะ อาจจะต้องมีมาตรการที่มาเตือน อนาคตอาจจะต้องปรับเรื่องกฎหมายควบคุมอาคารเรื่องปริมาณเชื้อเพลิง สำหรับรถยนต์ที่ไฟไหม้ 3 คัน ต้องพิจารณาประเด็นทางกฎหมายและอาจจะต้องแจ้งความ อย่างไรก็ตาม จะดูในรายละเอียดอีกครั้ง

 

เมื่อถามว่าหนักใจหรือไม่กับไฟไหม้ติดกันเป็นเวลา  2 สัปดาห์ นายชัชชาติกล่าวว่าเป็นหน้าที่ของเราที่ต้องดูแลพี่น้องประชาชน และทำให้เต็มความสามารถ คงเป็นเหตุการณ์ที่ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกัน และคนละสาเหตุ คนละพื้นที่ ส่วนผู้ที่เสียชีวิตจากเพลิงไหม้ ชัชชาติกล่าวว่า มีผู้เสียชีวิต  2 คน และได้รับบาดเจ็บ  9 คน เข้าใจว่า  9 คนเป็นเจ้าหน้าที่  7 คน และเป็นประชาชน  2  คน อยู่ที่โรงพยาบาลหัวเฉียวและโรงพยาบาลกลางดูแลอยู่ แต่อาการไม่น่าจะรุนแรง เป็นอาการสำลักควัน

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง