เจ้าหน้าที่ UN ชี้ 'วัตถุระเบิดตกค้าง' ขวาง 'ลาว' พัฒนาประเทศ

เวียงจันทน์, 12 ก.ย. (ซินหัว) -- วันจันทร์ (12 ก.ย.) หนังสือพิมพ์เวียงจันทน์ ไทมส์ อ้างอิงคานนี วิกนาราชา ผู้ช่วยเลขาธิการสหประชาชาติ (UN) และผู้อำนวยการสำนักงานภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิกของโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP) ระบุว่าวัตถุระเบิดตกค้างที่ยังไม่ระเบิดเป็นอันตรายใหญ่หลวงต่อการพัฒนาของลาว และจำต้องมีการกำจัดวัตถุเหล่านี้อย่างเร่งด่วน

วิกนาราชาแสดงความเห็นข้างต้นขณะเดินทางเยือนลาวเมื่อสัปดาห์ก่อน เพื่อเสริมสร้างการสนับสนุนของโครงการพัฒนาฯ ในการจัดลำดับความสำคัญของการพัฒนาลาววิกนาราชาระบุว่าวัตถุระเบิดตกค้างส่งผลกระทบต่อลาวมานานเกินไปจนถึงจุดที่ต้องมีการเปลี่ยนแปลง เธอเคยเยือนลาวมาแล้ว 2-3 ครั้ง และได้พิจารณาถึงปัญหานี้จนคิดว่างานกำจัดวัตถุดังกล่าวควรคืบหน้ามากกว่านี้ พร้อมเสริมว่าโครงการพัฒนาฯ ยินดีช่วยลาวเร่งกวาดล้างวัตถุระเบิดตกค้าง ซึ่งคงอยู่ในลาวมานานกว่า 40 ปีแล้วลาวเป็นประเทศที่ถูกทิ้งระเบิดหนักหน่วงที่สุดในโลกเมื่อพิจารณาจากอัตราต่อหัว โดยสถิติของทางการลาวระบุว่าสหรัฐฯ ทิ้งวัตถุระเบิดในลาวระหว่างสงครามเวียดนาม ช่วงปี 1965-1973 ราว 2 ล้านตัน ซึ่งรวมถึงระเบิดลูกปราย 2.7 ล้านลูก ที่ออกแบบมาเพื่อทำลายและปล่อยระเบิดขนาดเล็กกว่าจำนวนมาก และระเบิดเหล่านี้ถึงร้อยละ 30 ยังไม่ทำงานหนังสือพิมพ์ฯ ระบุว่าแม้สงครามข้างต้นสิ้นสุดลงนานกว่า 40 ปี ทว่าวัตถุระเบิดตกค้างยังคงเป็นความท้าทายทางมนุษยธรรมและเศรษฐกิจ-สังคมที่สำคัญของลาว ซึ่งทำให้ประชาชนบาดเจ็บล้มตาย จำกัดการเข้าถึงที่ดินเพาะปลูก และเพิ่มต้นทุนมหาศาลในกระบวนการพัฒนาสำนักงานกำกับปฏิบัติการวัตถุระเบิดตกค้างที่ยังไม่ระเบิด/ทุ่นระเบิดแห่งชาติลาว รายงานยอดเหยื่อจากอุบัติเหตุที่เกี่ยวข้องกับวัตถุระเบิดตกค้างทั้งหมด 673 กรณี ระหว่างปี 2008-2022 รวมอยู่ที่ 1,091 ราย ซึ่งในจำนวนนี้มีผู้บาดเจ็บ 808 ราย และผู้เสียชีวิต 283 ราย