รีเซต

IBM โชว์เคส Gen AI “Watson X” หนุนใช้งานภาครัฐ-ธุรกิจสิงคโปร์

IBM โชว์เคส Gen AI “Watson X” หนุนใช้งานภาครัฐ-ธุรกิจสิงคโปร์
TNN ช่อง16
18 กันยายน 2566 ( 09:25 )
47
IBM โชว์เคส Gen AI “Watson X” หนุนใช้งานภาครัฐ-ธุรกิจสิงคโปร์

IBM จัดานใหญ่ประจำปี "Think 2023" ขึ้นที่ประเทศสิงคโปร์ เมื่อวันที่ 14 กันยายน 2566 ที่ผ่านมา ภายในตีมงาน "Your Roadmap To Innovation" ซึ่งปีนี้ยังถือเป็นโอกาสพิเศษครบรอบ 70 ปีของ IBM ในประเทศสิงคโปร์อีกด้วย


ภาพจาก IBM

ความพิเศษของงาน IBM ในสิงคโปร์

ก่อนหน้านี้ IBM ได้มีการลงทุนในสิงคโปร์อย่างต่อเนื่อง เนื่องจากเป็นประเทศภูมิศาสตร์ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ที่มีการเติบโตด้านนวัตกรรมดิจิทัลอย่างต่อเนื่อง ซึ่งคาดว่าตลาดไอทีของสิงคโปร์จะเติบโตมากกว่าร้อยละ 8 ในปีนี้ 2023 นี้ และปรับตัวเพิ่มในปี 2024 


โดยไฮไลต์ของปีนี้ คือ การเปิดตัว IBM watsonx ซึ่งเป็น Generative AI หรือปัญญาประดิษฐ์เชิงสร้างสรรค์สำหรับองค์กร (Enterprise-ready AI) ที่สามารถนำไปใช้งานได้หลากหลาย เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจ ผ่าน 3 ผลิตภัณฑ์ภายใต้ watsonx ได้แก่ 

- watsonx.ai สำหรับพัฒนา AI

- watsonx.data สำหรับการประมวลผล 

- watsonx.governance สำหรับการกำกับดูแล AI


ภาพจาก IBM

 

โชว์ผลงานผู้ช่วยเอไอหนุนงานภาครัฐและธุรกิจ

นอกจากภาคธุรกิจแล้ว ในงานครั้งนี้ยังได้โชว์ความสามารถของ IBM watsonx ผ่าน "Watson Assistant" ซึ่งเป็นตัวช่วยให้บริการประชาชน และอำนวยความสะดวกให้กับภาคธุรกิจ เช่น กลุ่ม SMEs และ Startups 


โดย Watson Assistant จะช่วยให้ประชาชนสามารถค้นหาข้อมูลและโต้ตอบกับระบบด้วยภาษาที่เป็นธรรมชาติได้จากแพลตฟอร์มเดียว ไม่ต้องใช้หลายแพลตฟอร์ม จึงประหยัดเวลา และข้อมูลที่ AI นำมาประมวลผลยังเป็นข้อมูลที่น่าเชื่อถือจากภาครัฐ จึงมั่นใจได้ในเรื่องความถูกต้องของข้อมูลที่ประชาชนจะได้รับ ทั้งนี้ก็เพื่อยกระดับ Digital Government หรือ รัฐบาลดิจิทัล พร้อมสร้างประสบการณ์ที่ดีให้แก่ประชาชน

 

ภาพจาก IBM

งานปีนี้ IBM ยังได้รับเกียรติจาก รัฐมนตรี โจเซฟีน เตียว (Josephine Teo) ที่ให้เกียรติมาร่วมงาน และกล่าวถึงการพัฒนาแพลตฟอร์มและระบบต่าง ๆ ร่วมกับ IBM และพันธมิตรต่าง ๆ เพื่อพัฒนาประเทศ เช่น AI Verify การวางกรอบแนวทางการกำกับดูแลการใช้ AI และการนำ AI มาใช้ประเมินความเสี่ยงด้านสินเชื่อ (Credit Risk)


นอกจากนี้ ท่านรัฐมนตรี ยังได้เข้าชมสาธิต และทดลองใช้งานเทคโนโลยีต่าง ๆ ภายในงานรวมถึง Smart Glasses แว่นตาอัจฉริยะ ที่ผสานเทคโนโลยี AI-powered visual inspection และ AR-assisted real-time remote assistance ตัวแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 


แว่นตาอัจฉริยะนี้จะถูกนำไปใช้ร่วมกับรถดับเพลิงของหน่วยงานดับเพลิงของประเทศ หรือ Singapore Civil Defence Force (SCDF) บนเครือข่าย 5G ทำให้ระบบสามารถประมวลผลได้อย่างทันที ช่วยให้นักดับเพลิงสามารถตรวจสอบสภาพความสมบูรณ์อุปกรณ์ของรถดับเพลิงก่อนที่จะออกไปปฏิบัติภารกิจจริง และช่วยให้การทำงานภาคสนาม เช่น ทำให้ทีมสนับสนุนสามารถมองเห็นภาพสถานการณ์จริง ผ่านแว่นตาของทีมภาคสนามได้ และให้คำแนะนำได้อย่างทันท่วงที


ภาพจาก IBM

 

สู่ยุคของคอมพิวเตอร์ควอนตัม

อีกหนึ่งไฮไลต์ของงานครั้งนี้ คงต้องยกให้กับ Quantum Computing คอมพิวเตอร์ควอนตัม โดยล่าสุดได้นำตัวชิป Osprey ขนาด 433-qubit ที่พัฒนาในปี 2022 มาแสดงภายในงานนี้ด้วย โดย Computer Quantum ถือว่าเป็น Game Changer แห่งโลกอนาคต เพราะช่วยให้การประมวลผลข้อมูลจำนวนมหาศาล และมีความซับซ้อนเกินกว่าคอมพิวเตอร์ทั่วไปจะประมวลได้ มีความแม่นยำมากขึ้น ประมวลได้เร็วขึ้น ขณะเดียวกันก็มีต้นทุนที่ต่ำลงอีกด้วย


สำหรับตัวอย่างประโยชน์ในการใช้งาน เช่น การใช้งานในวงการพัฒนา "ยา" ช่วยคิดค้นและผลิตยา (Drug Discovery), การคิดค้นแบตเตอรี่ชนิดใหม่ รับกระแสความนิยมของรถพลังงานไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น และแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแร่ธาตุหายากที่นำมาใช้ผลิตแบตเตอรี่ลิเธียม ไปจนถึงการผลิตวัสดุชนิดใหม่ต่าง ๆ ได้ถึงระดับชั้นอะตอม ซึ่ง IBM ได้ตั้งเป้าสร้าง Quantum Computing ขนาด 100,000-qubit ให้สำเร็จภายในปี 10 ปีต่อจากนี้ หรือภายในปี 2033 


ภาพจาก IBM

แต่ยังไม่ทิ้งเรื่องความปลอดภัย

อีกสิ่งหนึ่งที่มาพร้อมกับการพัฒนา Quantum Computing ก็คือ การพัฒนาระบบด้านความปลอดภัย BM จึงได้พัฒนา IBM Quantum Safe ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่จะช่วยป้องกันการถูกเจาะข้อมูลจากอาชกรไซเบอร์ ไม่ว่าจะเป็น 

- Fraud Authenticity การฉ้อโกง

- Forge Digital Signature การปลอมแปลงลายเซ็น 

- Harvest Now, Decrypt Later หรือการที่ผู้ไม่ประสงค์ดีขโมยและจัดเก็บไฟล์ที่เข้ารหัสไว้ และนำมาถอดรหัสภายหลัง ในช่วงที่คอมพิวเตอร์ควอนตัมมีการใช้งานที่สูงขึ้นในอนาคต


ภาพจาก IBM

นอกจากนี้ ยังมี ระบบการจัดการป้องกันการโจมตี (Attack Surface Management) ชื่อ รันโดริ (Randori) ช่วยตรวจสอบการโจมตีทางไซเบอร์ขององค์กร ซึ่งสามารถรายงานผลได้แบบทันที ช่วยให้องค์กรป้องกันการจู่โจมได้ทันท่วงที ซึ่งในงานนี้ได้มีการจำลองให้เห็นลักษณะของการโจมตีเป็นภาพสามมิติ ในขณะที่ซอฟต์แวร์จริงจะเป็นการแสดงผลแบบสองมิติบนหน้าจอทั่วไป


ภาพจาก IBM

และที่น่าสนใจไม่แพ้กัน ก็คือผลงานของทีม IBM IX กับ Immersive Digital Experience ที่ผสานพลังของ Gen AI  ซึ่งปัจจุบัน IBM ได้นำเทคโนโลยีนี้มาใช้แล้ว ในการให้บริการด้านทรัพยากรบุคคลภายในองค์กร โดยสามารถให้ข้อมูล ตอบโต้ และให้คำปรึกษาด้านต่าง ๆ กับพนักงานที่มีข้อสงสัยในรูปแบบ Metaverse ได้ ช่วยให้ฝ่ายบุคคลสามารถที่จะใช้เวลาที่เหลือไปพัฒนางานส่วนอื่น ๆ ได้มากขึ้น


ภาพจาก IBM

นอกจากนี้ในงานยังมีการเสวนาในหัวข้อต่าง ๆ ที่น่าสนใจ เช่น การนำเทคโนโลยี 5G และ AI มาใช้งานทั้งภาครัฐและภาคเอกชนของประเทศสิงคโปร์, การควบคุมกำกับการใช้งาน AI ไปจนถึงการนำ AI มาใช้งานพัฒนาประเทศในกลุ่ม อาเซียนซีเค (ASEANZK) หรือประเทศกลุ่มอาเซียน นิวซีแลนด์ และเกาหลีใต้ 


ภาพจาก IBM

สุดท้ายในงานที่เรียกฮือฮาได้ไม่แพ้นวัตกรรมในงานก็คือหุ่นยนต์เอไอแขนกล “น้องเอลลา” บาริสตาสุดไฮเทคที่คอยชงเครื่องดื้มให้กับบรรดาผู้เข้าร่วมงาน ซึ่งต้องบอกว่าดูจากแถวเข้าคิวแล้ว ฝีมือการทำกาแฟของน้องคนนี้อร่อยไม่แพ้บาริสต้าตัวจริง


ภาพจาก IBM

IBM คาดการณ์ว่า จากนี้ในอีก 10 ปีข้างหน้า แม้ว่า Core Technologies ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ข้อมูล, ความปลอดภัย, AI, Automation, Hybrid Cloud และ Quantum จะถูกพัฒนาและใช้งานอย่างต่อเนื่องเป็นวงกว้าง โดยเฉพาะ Quantum ที่มีพลังมากพอในการเร่งกระบวนการคิดค้น การผลิตต่าง ๆ ในทุกภาคอุตสาหกรรม แต่ในขณะที่โลกหมุนเร็วขึ้น เราทุกคนก็ต้องเริ่มใส่ใจและเริ่มวางแผนป้องกันความปลอดภัยของข้อมูล ซึ่งถือเป็นความรับผิดชอบของทุกภาคส่วนร่วมกัน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง