รีเซต

'วัลลภ' เยือนชายแดนภาคใต้เดินสายรับฟังพูดคุยเพื่อสันติสุขในพื้นที่

'วัลลภ' เยือนชายแดนภาคใต้เดินสายรับฟังพูดคุยเพื่อสันติสุขในพื้นที่
มติชน
25 กรกฎาคม 2563 ( 16:05 )
111

 

เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม ที่ รร.ซีเอส จ.ปัตตานี พล.อ.วัลลภ รักเสนาะ หัวหน้าคณะพูดคุยสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้และคณะทำงาน เดินสายลงพื้นที่ชายแดนภาคใต้เป็นครั้งที่ 2 เพื่อพบปะและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเเดินทางรับฟังแลกเปลี่ยนกับกลุ่มต่างๆ หลังจากหยุดชะงักจากสถานการณ์โควิด19 ก่อนที่จะนำข้อมูลที่ได้ทั้งหมดที่ได้จากทุกกลุ่ม มาประเมินและนำไปสู่การดำเนินการพูดคุยครั้งต่อไป ซึ่งการลงพื้นที่ในครั้งนี้ได้พบกับหลายๆกลุ่มประกอบด้วย กลุ่มผู้นำศาสนาคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดนราธิวาส กลุ่มผู้แทนสภาเครือข่ายปัญญาชน จชต. (กลุ่มนักศึกษาจังหวัดชายแดนภาคใต้ มหาวิทยาลัยรามคำแหง-PNYS.) กับ กลุ่มสมาคมนักศึกษามุสลิมในต่างประเทศ กลุ่มผู้แทนเครือข่ายชาวพุทธ จชต. กลุ่มนักธุรกิจ และผู้แทนหอการค้าจังหวัดชายแดนภาคใต้และประชุมร่วมกับผู้แทนคณะประสานงานระดับพื้นที่ (สล.3) พร้อมทั้งรับฟังการบรรยายสรุปผลการดำเนินงานของ สล.3 รับข้อเสนอต่อกระบวนการพูดคุยฯอีกด้วย จากนั้นคณะได้ เยือนพิพิธภัณฑ์ ฮัจยีสุหลง (มูลนิธิอาจารย์ฮัจยีสุหลง อับดุลกอร์เดร์ โต๊ะมีนา) และเยี่ยมคารวะแลกเปลี่ยนความเห็นกับ นายเด่น โต๊ะมีนา อดีต รมช.มท. ซึ่งสถานการณ์ที่ผ่านมา มีความต่อเนื่อง และคืบหน้าอยู่พอสมควร

 

พล.อ.วัลลภ รักเสนาะ หัวหน้าคณะพูดคุยสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้เปิดเผยว่า สำหรับการลงมาในครั้งนีที่ได้มาพูดคุยกับผู้คนในพื้นที่หลายๆกลุ่ม และได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์และหลากหลายเป็นอย่างมาก จะได้นำไปวิเคราะห์ นำไปกลั่นกรองให้ตกผลึก ประมวลให้เป็นเสียงของภาคประชาสังคมในพื้นที่ทั้งหมด ว่ามีความต้องการอย่างไร ในช่วงสถานการณ์โควิดที่ผ่านมาแม้มีปัญหาในเรื่องการเดินทาง แต่เรายังมีการต่อสายถึงการพูดคุยกันอยู่ตลอด กับผู้อำนวยความสะดวกทางมาเลเซีย เพื่อไม่ให้มีการหยุดชะงักแต่อย่างใด โดยในช่วงต้นนี้เรายังคงคุยกับกลุ่ม BRN แต่กลุ่ม MaRa pattani หรือกลุ่มอื่นๆก็เปิดโอกาสด้วย และในอนาคตเราตั้งใจพูดคุยให้ครบกับทุกๆกลุ่มเพราะถ้าหากว่าเราสามารถพูดคุยกับทุกๆกลุ่มได้แล้ว จะสามารถรับฟังแก้ไขปัญหาต่างๆได้รอบด้านมากขึ้น

 

ในที่ผ่านมาช่วงสถานการณ์โควิด 19 ถือว่าเป็นสัญญาณเชิงบวกและสถานการณ์การประกาศหยุดยิงนั้น เราเห็นด้วยกับการหยุดสถานการณ์ความรุนแรงนี้ ซึ่งเราได้นำเสนอไปก่อนหน้านี้แล้ว ตรงกับความต้องการของเลขาธิการสหประชาชาติ เพราะหลายประเทศที่มีปัญหาความรุนแรงต่างก็หันหน้ามาแก้ไขปัญหาโควิดก่อน ทางรัฐบาลไทยเองก็เช่นกันในระดับพื้นที่เองทุกภาคส่วนทุกองค์กรก็พยายามแก้ไขปัญหาเองอย่างเต็มที่และได้รับความชื่นชมจากนานาชาติด้วย กระทรวงต่างประเทศเองเห็นชอบในหลักการและร่วมแก้ปัญหาด้วย

 

สำหรับสถานการณ์ปัจจุบันในพื้นที่ขณะนี้ลดลงมาก เราก็ประเมินอยู่ว่าที่ลดลงเพราะว่าสถานการณ์โควิดหรือการแถลงการหยุดยิงขณะนี้ยังประเมินกันอยู๋่ และแม้สถานการณ์โควิดจะยังคงยาวไปถึงต้นปีหน้า แต่การพูดคุยสันติสุขยังคงต้องดำเนินต่อไป ไม่มีการหยุดชะงักแน่นอน เราจะหาวิธีใหม่ๆต่อการพูดคุยครั้งต่อไป เพราะเป็นแผนระดับนโยบายยุทธศาสตร์ระดับชาติ ก็ต้องดำเนินการต่อไป ส่วนการพูดคุยครั้งต่อไปจะมีความชัดเจนเมื่อไหร่ต้องรอดูสถานการณ์โควิดในประเทศเพื่อนบ้านก่อนว่าจะจบลงเมื่อใด

 

นางละม้าย มานะการ, คณะประสานงานพูดคุยสันติสุขด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม ได้ยกประเด็นของโครงการอุตสาหกรรมจะนะ ว่าจะทำให้เกิดความขัดแย้งครั้งใหม่ โครงการครั้งนี้ควรจัดทำให้มีความเหมาะสม สำหรับชาวจะนะ ควรออกแบบให้มีความเหมาะสมกับทุกๆกลุ่ม การสร้างการพัฒนา ที่ผ่านมาคนจะนะเองมีส่วนในการออกแบบเมือง มาตั้งแต่แรกตั้งแต่ก่อนปี2540 แต่ครม.กลับมีมติเร่งด่วน ให้มีการจัดทำเปลีายนผังเมืองจากผัเมืองสีเขียวกลายเป็นสีม่วงนี้ ไม่มีการมีส่วนร่วมของคนในพื้นที่เลย และการจัดเวทีของทางศอ.บต.ที่ผ่านมานี้ให้กับกลุ่มที่เห็รด้วยเท่านั้น ไม่เปิดโอกาสให้ผู้ที่ไม่เห็นด้วยได้เข้ามาแสดงความคิดเห็นเลย อาจเป็นเวทีที่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงจากสีเขียวเป็นสีม่วงเลย โดยถามทุกคนไหมว่าเห็นด้วยมากแค่ไหน ในทางเวทีสล.3 เองก็ต้องการพูดคุนกับกลุ่มทีมที่เห็นคัดค้่นด้วย แต่ยังไม่สำเร็จเพราะมีเงื่อนไขบางประการ ตริงๆแล้วส่วนใหญ่คนจะรู้และมองเห็นกลุ่มอยู่เพียงแค่2กลุ่มเท่านั้น แต่ในความเป็นจริงยังมีกลุ่มอีกหลายๆกลุ่ม และในนี้ยังมีกระบวนการต่อรอง ที่ไปไกลมากด้วย อันนี้คือการสร้างกระบวนการมีส่วนร่วมยังไม่ดพเนินการตั้งแต่ต้นจึงขอฝากกลุ่มที่เกี่ยวข้องและทางคณะได้พิจารณากรณีนี้ด้วย

 

มูฮำหมัดอายุบ ปาทาน ที่ปรึกษาสภาสันติสุขชายแดนใต้ กล่าวว่า ผมมองว่าสถานการณ์โดยรวมมีทิศทางที่ดียิ่งขึ้น ประเด็นของการเสนอความคิดเห็นนี้ผมเห็นว่ายิ่งมีความถี่มากเท่าไหร่ การแสดงออกก็จะมีมากขึ้นเท่านั้น ที่ผ่านมาเราเห็นว่าชาวบ้านที่เมื่อก่อนนี้ไม่รับฟังประเด็นการพูดคุย แต่เมื่อเราจัดเวทีรายงานให้เห็นเรื่องการพูดคุย ทำให้ประชาชนกลับมาเห็นความสำคัญมากขึ้น หลังจากที่พวกเรานำผลการดำเนินการพูดคุยไปให้ชาวบ้านได้รับรู้ พวกเขามาสนใจมากขึ้น ทั้งนี้ในกลุ่มของทางคณะ สล.2และสล.3เองต้องมีการรวมกันเพื่อระดมหาทางออกร่วมกันได้ให้มีการนำข้อเสนอออกมาได้มากที่สุด เพราะยังมีข้อเสนออีกหลายชั้น มารวบรวมข้อเสนอนั้นมา จะได้มีความต่อเนื่องไม่ให้มีช่องว่างเกิดขึ้น การทำให้ไม่ให้มีช่องว่างจะทำให้เกิดความชอบธรรมต่อกระบวนการพูดคุย และต่อไปเห็นว่าสมควรให้ความรู้กับประชาชนต่อการพูดคุยสันติสุขให้ถึงระดับชาวบ้าน ประชาชนไปจนถึงผู้นำหมู่บ้าน กำนันผู้ใหญ่บ้านและผู้ที่เป็น actor ทั้งหมด ให้พวกเขาได้มีส่วนร่วมได้ ทั้งหมดที่มีอยู่ในนี้อาจมีการต่อสายตรงช่องทางพิเศษกับกลุ่มเห็นต่างที่อยู่ในพื้นที่เอามาคุยได้ (ทางลับ) เพื่อเอาเสียงที่ได้มานำเสนอในที่นี้ด้วยในอนาคตอาจเป็นไปได้ถ้าเราเปฺิดพื้นที่มากขึ้น และในคณะ สล.2 และ สล.3 ต้องเร่งทำงานเพื่อนำเสียงอื่นๆ ตัว actor ใหม่ๆ ทั้งหมด มานำเสนออีก ทุกคนต้องมีบทบาทในการนำไปสู่กระบวนการพูดคุยสันติสุขต่อไปด้วย

 

 

 

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง