เจาะทัศนะอีลอนมัสก์ อย่ายึดติดMBA หัดลดเวลาประชุมไปลงมือทำ
เจาะทัศนะอีลอนมัสก์ - ฟ็อกซ์ บิสิเนส รายงานถึงการแสดงทัศนะเชิงเป็นข้อคิด อีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีอันดับ 2 ของโลก วัย 49 ปี แห่งบริษัทเทสลาและบริษัทสเปซเอ็กซ์ ว่าธุรกิจของสหรัฐทุกวันนี้เต็มไปด้วยผู้เรียนจบเอ็มบีเอ หรือ ปริญญาโทด้านบริหาร มากเกินไป ทำให้หมกมุ่นอยู่กับตัวเลขมากกว่าจะพัฒนาตัวสินค้า
https://youtu.be/SpcM3yrLGfk
มัสก์กล่าวระหว่างการประชุมสุดยอดซีอีโอทางออนไลน์ จัดโดยวารสารวอลล์ สตรีต เจอร์นัล เมื่อ 11 ธ.ค. ว่า การที่บริษัทของชาวอเมริกันบริหารโดยผู้ที่จบเอ็มบีเอมากเกินไป เกิดเป็นการขับเคลื่อนตามสูตรเอ็มบีเอ (MBA-ization) ทั้งที่ไม่ใช่เรื่องดีสักเท่าไหร่
“ผมว่านะ ควรมุ่งไปทำผลิตภัณฑ์ให้ดีขึ้น ลดเวลาการประชุมคณะกรรมการบริษัทลงซะ แล้วก็ลดการใช้เวลาคิดเรื่องการเงินให้น้อยลง” มัสก์กล่าว
พร้อมยกตัวอย่างของตนเองให้เห็น ว่าหัวใจสำคัญของนายหรือเจ้าของบริษัทคือการทุ่มเทเวลาให้กับส่วนหน้าของธุรกิจแทนที่จะมาครุ่นคิดกันในห้องประชุม
“เวลาผมใช้เวลามากไปในการเข้าประชุม อะไรๆ มันก็ไปผิดที่ผิดทางแล้ว แต่ตอนที่ผมลงไปอยู่ที่ชั้นโรงงานผลิต หรือลองไปใช้รถจริงๆ หรือคิดถึงเรื่องจรวด อะไรๆ มันกลับไปได้ดีขึ้นนะ” นักธุรกิจจอมสร้างสรรค์นวัตกรรม กล่าว
เจ้าพ่อเทสลา วัย 49 ปี จบการศึกษาระดับปริญญาตรีสาขาเศรษฐศาสตร์และฟิสิกส์จากมหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย และทิ้งเรียนระดับปริญญาเอกที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดซึ่งวางแผนว่าจะทำวิจัยเกี่ยวกับเทคโนโลยีการเก็บพลังงานที่ใช้กับยานพาหนะไฟฟ้า
เว็บไซต์สำนักข่าวเดอะ การ์เดียน รายงานว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มัสก์ดูหมิ่นดูแคลนความน่าเชื่อถือของสถาบันการศึกษา เพราะก่อนหน้านี้ เมื่อเดือน มี.ค. เขาเคยพูดในการประชุมดาวเทียมว่าโดยพื้นฐานแล้ว มหาวิทยาลัยเป็นเพียงการพิสูจน์ว่าคุณทำงานเล็กๆ น้อยๆ ได้หรือไม่ แต่ไม่ได้มีไว้เพื่อการศึกษา
ขณะที่ผู้นำการศึกษาด้านบริหารธุรกิจโต้กลับว่าโครงการเอ็มบีเอสอนให้ผู้นำธุรกิจรู้ถึงการพัฒนาผลิตภัณฑ์และการประสานงานกับลูกค้า
เกล็นน์ ฮับบาร์ด อดีตคณบดีภาควิชาธุรกิจ มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ตอกกลับมัสก์ ว่าถึงแม้จะเป็นคนมีวิสัยทัศน์ แต่ซีอีโอหลายคนผสมผสานระหว่างวิสัยทัศน์และการลงมือทำได้อย่างดีเพราะใช้ประโยชน์จากเอ็มบีเอหรือการร่วมทีมที่แข็งแกร่งกับเอ็มบีเอ
++++++
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : สตาร์ชิปตูมสนั่น อีลอน มัสก์ปลื้มสถิติ ไม่ยี่หระ6พันล้านวอดในพริบตา