ส.ว.ไทยชี้ 'หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง' นำโอกาสการพัฒนามาสู่ไทย

เซินเจิ้น, 24 ก.ย. (ซินหัว) -- พลเอก สุรพงษ์ สุวรรณอัตถ์ สมาชิกวุฒิสภาของไทย ผู้ดำรงตำแหน่งรองประธานคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ กล่าวขณะให้สัมภาษณ์พิเศษกับนักข่าวซินหัว ณ การประชุมเพื่อการแลกเปลี่ยนฉันมิตรระหว่างสมาชิกสภานิติบัญญัติ (Legislators Forum for Friendly Exchanges) ซึ่งจัดขึ้นเร็วๆ นี้ ที่นครเซินเจิ้นของจีน ว่าแผนริเริ่ม "หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง" ได้นำโอกาสมาสู่การพัฒนาของไทย โดยเชื่อมโยงจีน ไทย อาเซียน และภูมิภาคอื่นๆ ของโลกเข้าด้วยกัน สร้างแรงกระตุ้นเชิงบวกต่อการพัฒนาเศรษฐกิจโลก และความสำเร็จด้านการพัฒนาเศรษฐกิจของจีนนั้นเป็นสิ่งที่ไทยควรเรียนรู้และศึกษา ทั้งยังเป็นประโยชน์ต่อประชาคมโลก

เขายกตัวอย่างโครงการที่ไทยเป็นส่วนหนึ่งของแผนริเริ่มนี้ อาทิ การก่อสร้างทางรถไฟความเร็วสูงและโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ ซึ่งไทยเป็นผู้ลงทุนและได้รับการสนับสนุนจากจีน ซึ่งเอื้อต่อการเชื่อมต่อไทยกับจีนรวมถึงประเทศในกลุ่มอาเซียน

มีสมาชิกรัฐสภาทั้งในอดีตและปัจจุบัน เกือบ 30 คน จาก 17 ประเทศและภูมิภาคที่ได้รับเชิญให้เข้าร่วมการประชุมฯ เช่น ไทย แอลจีเรีย อาร์เจนตินา ปากีสถาน ปานามา และรัสเซีย

ระหว่างเดินทางเยี่ยมชมนิทรรศการ 40 ปีการปฎิรูปและเปิดประเทศของมณฑลกว่างตง ตลอดจนเยี่ยมบริษัทเอกชนจีน สุรพงษ์กล่าวว่าไทยยินดีต้อนรับนักลงทุนจากทั่วโลก โดยเฉพาะนักลงทุนจากจีน และแผนพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งเป็นหนึ่งในแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีของไทยก็ถือเป็นนโยบายสำคัญในการผลักดันยุทธศาสตร์ชาติให้บรรลุผลสัมฤทธิ์ โดยปัจจุบันมีบริษัทจากหลายประเทศที่เข้ามาลงทุน เช่น บริษัทผู้ผลิตรถยนต์จากจีนอย่างบีวายดี (BYD) ซึ่งไทยพร้อมจะอำนวยความสะดวกและสิทธิประโยชน์ทางภาษีต่างๆ แก่บรรดานักลงทุนในภูมิภาค

สุรพงษ์กล่าวว่าการลงทุนของจีนในไทยเติบโตต่อเนื่องช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยภาคอุตสาหกรรมยานยนต์พลังงานใหม่มีความโดดเด่น ก่อเกิดเป็นห่วงโซ่อุตสาหกรรมและเทคโนโลยีที่สอดคล้องกัน ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและส่งเสริมการพัฒนาที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมของไทย

ข้อมูลจากสมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยชี้ให้เห็นว่า ในปี 2021 แบรนด์รถยนต์จีนครองสัดส่วนประมาณร้อยละ 90 ของตลาดรถยนต์ไฟฟ้าบริสุทธิ์ของไทย

[caption id="attachment_386882" align="aligncenter" width="696"] (แฟ้มภาพซินหัว : สมาชิกสภานิติบัญญัติจาก 17 ประเทศและภูมิภาคเข้าร่วมการประชุมเพื่อการแลกเปลี่ยนฉันมิตรระหว่างสมาชิกสภานิติบัญญัติ (Legislators Forum for Friendly Exchanges) ในนครเซินเจิ้นของจีน วันที่ 21 ก.ย. 2023)[/caption]