TFFIF โบรกคาดรายได้สูงขึ้นต่อ บล.กสิกรฯให้เป้า 7.75 บ.
#TFFIF #ทันหุ้น – บทวิเคราะห์ TFFIF โดย บล.กสิกรไทย
รายได้สุทธิที่สูงขึ้นไตรมาส 4/67 จะดำเนินต่อไป
Highlights
กำไรปกติไตรมาส 4/67 อยู่ที่ 545 ลบ. (+13% YoY, +8.1% QoQ สูงกว่าที่เราคาด 3%) ประมาณการ DPU อยู่ที่ 0.118 บาท (+11.6% YoY, +7.1% QoQ) - อัตราตอบแทนเงินปันผลต่อปีอยู่ที่ 7.2%
เราคาดว่าการเติบโตของกำไรปกติของ TFFIF ปี FY68-69 จะส่งผลให้ DPU เพิ่มขึ้นเป็น 0.45/0.46 บาท (DY ที่ 6.8%/7%)
บล.กสิกรไทยคงคำแนะนำ "ซื้อ" และราคาเป้าหมายสิ้นปี FY68 ที่ 7.75 บาท เราคาดว่า TFFIF จะเสนอ market IRR ที่ 8% (อายุเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักสิทธิการเช่า (WALE) ที่ 23.9 ปี)
Investment Topics
รีวิวไตรมาส 4/67เมื่อวันที่ 29 พ.ย. TFFIF รายงานงบการเงิน FY2567 โดยมีผลขาดทุนสุทธิที่ 1.9 พันลบ.ในไตรมาส 4/67 หากไม่รวมผลขาดทุนก้อนใหญ่จำนวน 2.5 พันลบ. จากการประเมินมูลค่าทรัพย์สินใหม่ ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากสมมติฐานปริมาณการจราจรบนทางด่วนฉลองรัช และบูรพาวิถีที่ลดลงจากผู้ประเมินแล้ว กำไรปกติอยู่ที่ 545 ลบ. ( +13% YoY และ +8.1% QoQ) กำไรเพิ่มขึ้นเชิง YoY จากรายได้สุทธิที่เพิ่มขึ้น โดยส่วนใหญ่มาจากการปรับอัตราค่าผ่านทางซึ่งสูงขึ้นดั่งแต่วันที่ 1 มี.ค.2567 เป็นต้นมา ขณะที่กำไรที่เพิ่มขึ้นเชิง QoQ มาจากปริมาณการจราจรที่เพิ่มขึ้นจากช่วงโลว์ซีชั่นในไดรมาส 3/67 (เดือน เม.ย.-มิ.ย.) และจำนวนวันดำเนินการที่มากขึ้นโดยไม่มีการยกเว้นค่าผ่านทางในไตรมาส 4/67 กำไรปกติปี FY2567 อยู่ที่ 2.0 พันลบ. (+7.4% YoY)
เงินปันผลเราคาดว่า TFFIF จะประกาศเงินปันผลต่อหน่วย (DPU) ไตรมาส 4/67 อีกภายในไม่กี่วันที่ 0.118 บาท (+11.6% YoY และ +7.1% QoQ) สะท้อนอัตราการจ่ายเงินปันผลที่ 99% และอัตราตอบแทนเงินปันผลต่อปีที่ 7.2% โดย DPU ปี FY2567 น่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 0.442 บาท (+7% YoY)
การดำเนินงาน TFFIF ประกาศรายได้เงินโอนสุทธิไตรมาส 4/67 จำนวน 576 ลบ. (+13.6%YoY และ +8.5% QoQ) รายได้สุทธิที่เพิ่มขึ้นเชิง YoY มาจากอัตราค่าผ่านทางที่สูงขึ้น ขณะที่การเพิ่มขึ้นเชิง QoQ มาจากปริมาณการจราจรที่เพิ่มขึ้น กองทุนจะประกาศปริมาณการจราจรสำหรับทั้ง 2 เส้นทางภายในไม่กี่สัปดาห์หลังจากรายงานผลประกอบการ
เราสรุปปริมาณการจราจรเฉลี่ยช่วง 9 เดือนแรกของปี FY2567 ของทางด่วนฉลองรัชที่211,200 เที่ยวต่อวัน (ทรงตัว YoY คิดเป็น 87.6% ของระดับก่อนเกิดโควิด-19) และของทางด่วนบูรพาวิถีที่ 151,600 เที่ยวต่อวัน (2.5% YoY คิดเป็น 93.4% ของระดับก่อนเกิดโควิด-19) รายได้สุทธิปี FY2567 เพิ่มขึ้นเป็น 2.10 พันลบ. (+7.8% YoY)
แนวโน้ม เนื่องจากรูปแบบการทำงานแบบ hybrid ภาวะการชะลอตัวของเศรษฐกิจ และผลกระทบจากการปรับอัตราค่าผ่านทางซึ่งส่งผลกระทบต่อการเติบโตของปริมาณการจราจรเราจึงคาดว่าปริมาณการจราจรของ TFFIF จะทรงตัวในปี FY67 อย่างไรก็ตาม เราคาดว่ากำไรปกติปี FY2568-69 น่าจะเติบโตที่ 1.5% และ 2.3% หนุนโดยอัตราค่าผ่านทางที่สูงขึ้นและปริมาณการจราจรที่เติบโตในระดับปานกลางตามกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้น เราคาดว่าอัตราตอบแทนเงินปันผลปี FY2568-69 น่าจะอยู่ที่ 6.8% และ 7%
Valuation and Recommendation
บล.กสิกรไทยคงคำแนะนำ "ซื้อ" และราคาเป้าหมายสิ้นปี FY2568 อิงด้วยวิธี DCF ไว้
ดามเดิมที่ 7.75 บาท (WACC ที่ 6.5% ไม่มี Terminal Value) เราคาดว่า TFFIF น่าจะรายงานการเติบโดของ DPU อย่างต่อเนื่องในปี FY2568-69โดยได้รับแรงหนุนจากอัตราค่าผ่านทางที่เพิ่มขึ้นและปริมาณการจราจรที่เติบโตในระดับปานกลาง โดย ณ ระดับปัจจุบัน TFFIF น่าจะเสนอ market IRR ที่ 8% โดยมี WALE อยู่ที่ 23.9 ปี
ปัจจัยเสี่ยงได้แก่ 1) การแข่งขันจากเส้นทางหรือระบบขนส่งทางเลือก 2) จำนวนวันยกเว้นการเก็บค่าผ่านทางสูงกว่าคาด 3) นโยบายของกระทรวงคมนาคมและรัฐบาลที่ไม่เอื้ออ่านวย
.
ทั้งนี้ กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย หรือ TFFIF ลงทุนในสิทธิที่จะได้รับรายได้ร้อยละ 45 ของรายได้ค่าผ่านทางรวมสุทธิที่จัดเก็บได้จากเส้นทางในปัจจุบันของทางพิเศษฉลองรัช และทางพิเศษบูรพาวิถี เป็นระยะเวลา 30 ปี นับจากวันที่ 29 ตุลาคม 2561 (วันโอนสิทธิตามสัญญาโอนและรับโอนสิทธิในรายได้)