คลื่นแรงงานเมียนมาแห่ข้ามน้ำเข้าแม่สาย
เชียงราย-อ.แม่สาย จ.เชียงราย รับเละ แรงงานเมียนมาลอบหนีเข้าไทยเพื่อหางานทำ หนีความอดอยาก หนีโจรผู้ร้ายที่ชุกชุม ทหารไทย จับได้ถี่
เมื่อวันที่ 14 ส.ค.63 ทหารร้อย.ม.3 ฉก.ม.2 กองกำลังผาเมือง จัดกำลังพลทำการ ลาดตระเวณเฝ้าตรวจ ตามแนวชายแดน ขณะกำลังลาดตระเวณ มาถึงบริเวณท่าข้ามกะหล่ำ บ้านเหมืองแดงหมู่ 2 ต.แม่สาย อ.แม่สาย จ.เชียงรายได้ตรวจพบบุคคลต้องสงสัย จำนวน 3 คน ทราบชื่อภายหลัง ดังนี้
นาง ชันนี อายุ 22 ปี สัญชาติเมียนมา,นาง น้อย อายุ 27 ปี,น.ส. นาง อายุ 19 ปี สัญชาติเมียนมา
โดยทั้ง 3 คนได้เดินข้ามแม่น้ำสายจากฝั่งประเทศ สหภาพเมียนมา เพื่อมายังฝั่งประเทศไทย เจ้าหน้าที่ จึงได้แสดงตัว เพื่อขอตรวจค้น ก่อนตรวจค้นได้แสดงความบริสุทธิ์ใจ จนเป็นที่พอใจแล้ว จึงทำการตรวจค้น
ผลการตรวจค้นไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย และขอดูเอกสารเดินทางโดยทั้ง 3 คนไม่สามารถนำมาแสดงให้เจ้าหน้าที่ดูได้ สอบถามทราบว่า ทั้ง 3 คน เดินทางมาจากประเทศสหภาพเมียนมา ต้องการจะเดินทางไปหางานทำที่ กรุงเทพฯโดยเลือกใช้วิธีว่ายข้ามน้ำแม่น้ำสายบริเวณดังกล่าว โดยเสียค่าใช้จ่ายให้กับคนดูแลท่าข้ามฝั่ง สหภาพเมียนมา คนละ 5,000 บาท แต่ถูกทาง เจ้าหน้าที่ทหาร จับกุมตัวไว้ได้ เจ้าหน้าที่จึงได้นำตัวผู้ต้องหาส่งตรวจคนเข้าเมือง จ.เชียงราย และแจ้งทางฝ่ายปกครองให้รับทราบเพื่อดำเนินการตามกฎหมาย
ช่วงค่ำวันเดียวกัน บริเวณท่าข้ามกะหล่ำ ยังได้ตรวจพบบุคคลอีก 4 คน ทราบชื่อภายหลัง คือ นาย ทูน อายุ 33 ปี , นาง นาง อายุ 35 ปี , นาย เพ อายุ 47 ปี , นาง นุช อายุ 48 ปี ทั้งหมดได้เดินข้ามแม่น้ำสายจากฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน มายังฝั่งประเทศไทย จากการสอบถามเบื้องต้นทราบว่า ทั้ง 4 คน เดินทางมาจากประเทศเมียนมา ต้องการจะเดินทางไปหางานทำที่ จ.ลำพูน โดยเลือกใช้วิธีว่ายข้ามน้ำแม่น้ำสายบริเวณดังกล่าว โดยเสียค่าใช้จ่ายให้กับคนดูแลท่าข้ามฝั่งเมียนมาคนละ 8,000 บาท แต่เมื่อข้ามมายังฝั่งประเทศไทยจึงถูกทาง เจ้าหน้าที่ทหารจับกุมตัวไว้ได้ ถือว่าเป็นการจับกุมแรงงานเมียนมาได้ถี่มากขึ้นในวันเดียว มีรายงานข่าวจากจังหวัดท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา ตรงข้ามอำเภอแม่สาย ว่าขณะนี้มีการโพสต์ในสื่อสังคมโซเชียลว่า ให้ระมัดระวังโจรผู้ร้าย ที่เริ่มมีชุกชุมขึ้น และมีกรณีการดักจี้ชิงทรพย์สินของชาวบ้าน สาเหตุอาจจะมาจากการตกงานไม่มีงานทำของแรงงานเมียนมา ถึงแม้จะมีการคลายล็อคการเฝ้าระวังไวรัสโควิด-19 แล้วและมีการเปิดกิจการต่างๆได้ แต่ไม่มีนักท่องเที่ยว ทำให้เกิดปัญหาค้าขายไม่ดี ข้าวยากหมากแพง เช่นเดียวกับฝั่งไทย ซึ่งขณะรายงานข่าวอยู่ก็ยังมีข่าวว่าจะมีการจับกุมแรงงานเมียนมาหลบหนีเข้าเมืองได้เพิ่มอีก