นักวิชาการ ผลักดัน "เชียงราย" สู่ พื้นที่นำร่องการจัดการสาธารณภัย

สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม จัดการประชุมนำเสนอร่างรายงานฉบับสมบูรณ์โครงการ เรื่อง “การสำรวจเพื่อจัดทำฐานข้อมูลความเสียหายโครงสร้างจากน้ำท่วมภาคเหนือ (โครงการต้นแบบ จังหวัดเชียงราย)” ซึ่งมี ศ.ดร.อมร พิมานมาศ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และนายกสมาคมวิศวกรโครงสร้างแห่งประเทศไทย เป็นหัวหน้าโครงการ โดยได้เริ่มดำเนินงานตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2567 เพื่อให้ทันเหตุการณ์ฟื้นฟูพื้นที่น้ำท่วมจังหวัดเชียงรายในปีที่ผ่านมา ก่อให้เกิดผลกระทบต่อเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างมาก ซึ่ง สกสว.หวังให้เป็นต้นแบบพื้นที่นำร่องในการจัดการสาธารณภัย และเป็นข้อมูลอ้างอิงให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำไปวิเคราะห์และใช้ประโยชน์ต่อไป
ศ.ดร.อมร กล่าวว่า ทีมวิจัยได้รวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะโครงสร้างที่ได้รับผลกระทบร้ายแรงจากน้ำท่วมและน้ำหลาก เพื่อจัดการแก้ปัญหาในพื้นที่ โดยนักวิจัยมุ่งหวังให้จังหวัดเชียงรายซึ่งเป็นพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติทั้งแผ่นดินไหว น้ำท่วม และ PM2.5 เป็นเมืองต้นแบบของการจัดการสาธารณภัย ตลอดจนจัดทำแผนที่แสดงความเสียหายของโครงสร้าง เพื่อเป็นโจทย์วิจัยที่เหมาะสมสำหรับพื้นที่ต่อไปในอนาคต
“เราระดมวิศวกรอาสาหลายร้อยคนเพื่อสำรวจบ้านเรือน ซึ่งงานวิจัยนี้จะเป็นประโยชน์ต่อวิศวกรเองทั้งเรื่องจิตสำนึกสาธารณะ และประสบการณ์จริงในการสำรวจความเสียหาย นอกจากนี้ยังได้เข้าพบรองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย และนายก อบจ.เชียงราย เพื่อประสานการทำงาน รวมถึงนายอำเภอแม่จัน และได้หารือเรื่องแผ่นดินไหวด้วย เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่มีรอยเลื่อนอันตราย โดยข้อค้นพบจากงานวิจัยมุ่งเสนอแนวทางการศึกษาผลกระทบและการป้องกัน จากสภาพปัญหาภูมิประเทศยังต้องการงานวิจัยที่จำเป็นและควรศึกษาเพิ่มเติมโดยเฉพาะระบบการแจ้งเตือนภัย ฐานข้อมูลความเสียหาย แผนที่เสี่ยงภัย และข้อมูลการลงพื้นที่อาคารแต่ละแห่ง เพื่อประกอบการเบิกจ่ายงบประมาณในการซ่อมแซมแก่ผู้ประสบภัย” ศ. ดร.อมรระบุ
ด้านผู้แทนกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กล่าวว่า ข้อมูลจากรายงานวิจัยนับว่าเป็นประโยชน์อย่างมากต่อการวางแผนบริหารจัดการน้ำท่วมทั้งระบบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการป้องกันและลดความเสี่ยงและความเสียหายต่อสังคมและเศรษฐกิจในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูง ยิ่งกว่านั้นข้อมูลจากรายงานยังเป็นการสร้างองค์ความรู้ที่สำคัญต่อประชาชนและท้องถิ่น ด้านวิศวกรรมพื้นฐานเกี่ยวกับระบบป้องกันน้ำท่วมที่อยู่อาศัยของประชาชน เครื่องมือ อุปกรณ์ในการป้องกัน เช่น กำแพงกั้นน้ำ และวิธีป้องกันความเสียหายของโครงสร้างจากความรุนแรงของน้ำท่วม เป็นต้น ดังนั้นจึงควรมีช่องทางในการถ่ายทอดองค์ความรู้ดังกล่าวอย่างเหมาะสม ให้แก่ประชาชนและชุมชน รวมทั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้รับทราบโดยทั่วกัน ทั้งในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงน้อย ความเสี่ยงปานกลาง และความเสี่ยงสูง
ทั้งนี้ สกสว. ควรส่งเสริมและสนับสนุนงานวิจัยและการสร้างนวัตกรรมเพื่อการพัฒนาเชิงพื้นที่ในการจัดการสาธารณภัย และขยายผลการศึกษาไปยังพื้นที่ที่มีลักษณะทางกายภาพใกล้เคียงกัน เพื่อวางแผนรับมือกับอุทกภัย และการบูรณาการภาพรวมงานวิจัยในรูปแบบ “แผนที่เสี่ยงภัย” ที่ซ้อนทับกัน เพื่อให้เห็นความเสี่ยงของแต่ละพื้นที่ต่อภัยพิบัติประเภทต่าง ๆ ตามที่นักวิจัยเสนอ ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการปฏิบัติงานของ ปภ.
ขณะที่ รศ. ดร.นิรมล สุธรรมกิจ ผู้อำนวยการหน่วยภารกิจยุทธศาสตร์ ววน. การยกระดับสังคม สิ่งแวดล้อม สกสว. เผยว่า สกสว.จะเป็นตัวกลางเชื่อมโยงงานวิจัยกับการบริหารจัดการน้ำ โดยส่งต่อรายงานฉบับสมบูรณ์ให้แผนงานโครงการสำคัญตามยุทธศาสตร์ ววน. และสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) เพื่อหารือร่วมกับภาคีที่จะใช้ประโยชน์ต่อไป สำหรับประเด็นที่ สกสว. ต้องดำเนินการต่อไป คือ การใช้ประโยชน์จากงานวิจัย โดยเฉพาะข้อมูลที่ค้นพบจากงานวิจัยด้านความเสียหายของโครงสร้างจากน้ำท่วม และมูลค่าความเสียหาย ซึ่ง ปภ. กระทรวงมหาดไทย หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สามารถนำไปขับเคลื่อนต่อได้ พร้อมกับเสนอว่างานวิจัยการออกแบบโครงสร้างควรนำไปสู่กฎหรือเทศบัญญัติ เพื่อรองรับในการกำหนดข้อห้ามแก่ประชาชนในพื้นที่ โดยรูปแบบการทำงานที่คณะวิจัยออกแบบไว้ โครงสร้าง อุปกรณ์ และระบบ น่าจะนำไปขยายผลในจังหวัดอื่นได้ รวมทั้งการประสานงานกับสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ เพื่อขยายผลการผลิตอุปกรณ์ ตรวจวัดในเชิงพาณิชย์ในรูปแบบของสตาร์ทอัพ หรือเป็นมาตรฐานรับรองเพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการจัดการสาธารณภัยสามารถนำไปใช้ต่อได้
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
