เปิด ประวัติ “ไพบูลย์ นิติตะวัน” ส.ส.ที่ไม่มีวันหลุดพ้นตำแหน่ง ขึ้นชื่อ “องครักษ์พิทักษ์ลุงตู่”
ช่วงที่ผ่านมา หลายคนคงกำลังลุ้นว่า “ไพบูลย์ นิติตะวัน” จะหลุดพ้นจากตำแหน่ง ส.ส. หรือไม่ แต่ล่าสุด ศาลรัฐธรรมนูญ มีคำวินิจฉัยให้ “ไพบูลย์ นิติตะวัน” รองหัวหน้าพรรคประชารัฐ ในฐานะ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ยังเป็น ส.ส.ต่อไป เนื่องจาก มติศาล รธน.เสียงข้างมาก ชี้ยุบพรรคประชาชนปฏิรูป เข้า พปชร.ชอบด้วยกฎหมาย
ล่าสุดคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ระบุว่า การขอเลิกพรรคประชาชนปฏิรูปชอบด้วยข้อบังคับพรรค โดยมติของกรรมการบริหารพรรคลงมติเป็นเอกฉันท์ให้ยกเลิกพรรค การเลิกกิจการพรรคโดย กกต.มีมติ เท่ากับการยุบพรรค ดังนั้น รัฐธรรมนูญคุ้มครองให้ “ไพบูลย์ นิติตะวัน” โดยเข้าเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ไม่เกิน 60 วัน ตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด การเข้าเป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคพลังประชารัฐของนายไพบูลย์ หลังการเลือกตั้ง ไม่เกี่ยวกับกระบวนการจัดทำบัญชีรายชื่อ ส.ส.ก่อนเลือกตั้ง และกรณีที่รัฐธรรมนูญ กำหนดให้หัวหน้าพรรคที่ถูกยุบจนกว่าชำระบัญชีพรรคการเมืองให้แล้วเสร็จโดยห้ามไม่ให้ดำเนินกิจกรรมทางการเมืองของพรรคที่ถูกยุบไปแล้ว แต่ไม่ได้ห้ามทำกิจกรรมทางการเมืองภายใต้พรรคการเมืองอื่น ศาลรัฐธรรมนูญจึงวินิจฉัยว่า สถานะของ “ไพบูลย์ นิติตะวัน” ไม่สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (10) ประกอบมาตรา 90 และมาตรา 91 วรรคหนึ่ง (5)
ประวัติ “ไพบูลย์ นิติตะวัน” ก่อนมาเป็นนักการเมือง
ไพบูลย์ นิติตะวัน เป็นคนจังหวัดนครราชสีมา ก่อนหน้านี้เคยเป็นเศรษฐีด้านการเกษตรในภาคอีสานตอนบน เคยลงทุนธุรกิจในประเทศลาว และเคยใช้เฮลิคอปเตอร์ราคาหลายล้านบาทเอาไว้หว่านปุ๋ยในนาข้าว ไร่มะเขือเทศ มันฝรั่ง และกาแฟ จนเป็นที่ฮือฮา แต่ทุกอย่างก็เปลี่ยนไปเนื่องจากได้รับผลกระทบจากวิกฤตฟองสบู่แตก ในปี 2540
8 ปีหลังจากนั้น เข้าสู่วงการการเมือง โดยอาสาเป็นที่ปรึกษาแนวทางข้อกฎหมายให้กับ “จารุวรรณ เมณฑะกา” ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ต่อสู้กรณีสถานะของผู้ว่าการ สตง. จนถูกตั้งให้เป็นที่ปรึกษา สตง.
และเมื่อรัฐธรรมนูญ 2550 ประกาศใช้ โดยให้มี ส.ว.เลือกตั้ง และ ส.ว.สรรหาอย่างละครึ่ง “ไพบูลย์ นิติตะวัน” ถูกเสนอชื่อเข้ารับการสรรหา ส.ว. ในสายภาครัฐ เป็นตัวแทนของ สตง.ครั้งแรก หลังได้รับการสรรหาก็ไปปฏิบัติหน้าที่ มีส่วนร่วมในการผลักดันให้เลือกประธานวุฒิสภา เป็น "ประสพสุข บุญเดช" และได้เป็นแกนนำ 40 ส.ว. เขาอยู่เป็น ส.ว.สรรหาจนครบวาระแรกจนครบ 3 ปี แล้วมีการสรรหาใหม่
ในสมัยที่ “ไพบูลย์ นิติตะวัน” เป็น ส.ว.สรรหาในวาระที่ 2 เขาเป็นผู้ยื่นคำร้องฟ้อง “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี ในคดีการโยกย้าย “ถวิล เปลี่ยนศรี” ต่อศาลรัฐธรรมนูญ ส่งผลให้ยิ่งลักษณ์ พ้นจากความเป็นรัฐมนตรีทั้งหมด รวมถึงรัฐมนตรีที่ให้ความเห็นชอบต้องพ้นตำแหน่งด้วย
ในปี 2557 คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ทำการรัฐประหารรัฐบาลยิ่งลักษณ์ โดยคสช.ได้แต่งตั้งให้เขาดำรงตำแหน่ง สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ(สปช.) ประธานคณะกรรมการปฏิรูปแนวทางและมาตรการปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนา สปช.
ในช่วงที่มีการบุกค้นเพื่อดำเนินคดีกับเจ้าอาวาสวัดธรรมกาย ไพบูลย์ ก็ออกมาเรียกร้องปลุกกระแสสังคมปฏิรูปคณะสงฆ์
บทบาท “หัวหน้าพรรคประชาชนปฏิรูป”
ในปี 2559 “ไพบูลย์ นิติตะวัน” เข้าร่วมเครือข่ายปกป้องพระเกียรติพระญาณสังวรสมเด็จพระสังฆราชและเครือข่ายสตรีปกป้องพระพุทธศาสนา ออกมาคัดค้านการแต่งตั้งสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง วรปุญฺโญ) เป็นสังฆราชองค์ใหม่
และได้จัดตั้ง “พรรคประชาชนปฏิรูป” พร้อมสโลแกน “น้อมนำคำสอนพระพุทธเจ้า” รวมถึงประกาศจุดยืนสนับสนุนให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีต่อไป จนเป็นที่ฮือฮาในสังคม กับกระแสสโลแกนพรรค และป้ายหาเสียง
จาก “พรรคประชาชนปฏิรูป” สู่ “พลังประชารัฐ”
ไพบูลย์ นิติตะวัน นำพรรคประชาชนปฏิรูปเข้ชนะเลือกตั้ง 45,508 คะแนน และ ได้ ส.ส.1 ที่นั่ง จากการ “ปัดเศษ” แต่หลังจากนั้นไม่นาน “ไพบูลย์” และพรรค ได้ทำหนังสือแจ้งขอเลิกพรรคพรรคประชาชนปฏิรูป โดยให้เหตุผลว่า ผู้สมัครหลายคน ส.ส.หลายคน เมื่อไม่ได้เป็น ส.ส.มีภารกิจที่ต้องทำจึงลาออก จากนั้น “ไพบูลย์” ก็ได้สมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ และได้รับเลือกเป็นรองหัวหน้าพรรค และเปลี่ยนโลโก้พรรคใหม่
โดยวัตถุประสงค์แรกที่ “ไพบูลย์ นิติตะวัน” เข้ามาสมัครพรรคพลังประชารัฐ เพราะต้องการเข้ามาช่วย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณเรื่องกฎหมาย แต่เมื่อเข้ามาก็ได้รับแต่งตั้งเป็นรองหัวหน้าพรรค และเป็นประธานคณะกรรมการฝ่ายกฎหมายพรรคในเวลาต่อมา
ข้อมูลจาก ประชาชาติธุรกิจ , ข่าวสด , มติชน , PPTV