รีเซต

นักวิจับเผยการตรวจเลือดแบบใหม่ พบมะเร็งได้ก่อนแสดงอาการถึง 3 ปี

นักวิจับเผยการตรวจเลือดแบบใหม่ พบมะเร็งได้ก่อนแสดงอาการถึง 3 ปี
TNN ช่อง16
5 พฤศจิกายน 2568 ( 16:09 )
6

งานวิจัยจาก มหาวิทยาลัยจอห์นส์ฮอปกินส์ (Johns Hopkins University) และเครือข่ายวิจัยในสหรัฐฯ ภายใต้ โครงการ Atherosclerosis Risk in Communities (ARIC) Study พบว่า สามารถตรวจพบสัญญาณทางพันธุกรรมของมะเร็งในเลือดได้ล่วงหน้าถึง 3 ปี ก่อนแสดงอาการ ผลลัพธ์นี้ถูกตีพิมพ์ในวารสาร Cancer Discovery เดือนกันยายน ปี 2025

แนวคิด “ตรวจมะเร็งล่วงหน้าผ่านเลือด” หรือ Liquid Biopsy กำลังเป็นทิศทางใหม่ของการแพทย์เชิงป้องกัน เพราะสามารถตรวจหาชิ้นส่วนสารพันธุกรรมของมะเร็ง (circulating tumor DNA – ctDNA) ที่ลอยอยู่ในกระแสเลือด แม้ในระยะที่มะเร็งยังเล็กจนไม่มีอาการ

โครงการ ARIC Study เริ่มเก็บข้อมูลสุขภาพประชากรตั้งแต่ปี 1987–1989 และเก็บตัวอย่างเลือดเป็นระยะงานวิจัยล่าสุดนี้ใช้ข้อมูลจากการเก็บเลือดครั้งที่ 3 (Visit 3: 1993–1995) เป็น “จุดเวลาอ้างอิง” (index time point)และนำเลือดที่เก็บก่อนหน้านั้นประมาณ 3.1–3.5 ปี (Visit 2) มาวิเคราะห์ร่วมด้วย

นักวิจัยคัดเลือกตัวอย่าง 52 ราย - 26 ราย ที่ภายหลังถูกวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็ง และ 26 รายที่ไม่พบมะเร็งในช่วงติดตามตัวอย่างพลาสม่าถูกวิเคราะห์ด้วยเทคนิคการถอดรหัสพันธุกรรมความไวสูง (ultra-deep sequencing) เพื่อค้นหาชิ้นส่วนดีเอ็นเอของเนื้องอก (ctDNA)


ผลการศึกษา

8 รายจาก 26 รายในกลุ่มมะเร็ง ให้ผลบวกจากการตรวจเลือดในช่วง “index time” ทั้งหมดถูกวินิจฉัยมะเร็งจริงภายใน 4 เดือนหลังเก็บเลือด

6 รายในกลุ่มนั้นมีตัวอย่างเลือดที่เก็บล่วงหน้า 3.1–3.5 ปี ก่อนวินิจฉัย และ 4 ราย สามารถตรวจพบการกลายพันธุ์เดียวกันกับตัวอย่างภายหลัง

ระดับสัญญาณพันธุกรรมของมะเร็ง (mutant allele fraction) ในตัวอย่างล่วงหน้านั้นต่ำกว่าช่วงวินิจฉัยถึง 8–79 เท่า

ผลลัพธ์ชี้ชัดว่า เทคโนโลยีตรวจเลือดสามารถตรวจพบมะเร็งได้ก่อนอาการทางคลินิกถึง 3 ปี ซึ่งเป็นหลักฐานสำคัญของแนวทาง “multicancer early detection (MCED)”

การตรวจพบมะเร็งตั้งแต่ระยะก่อนคลินิก ทำให้สามารถรักษาได้ก่อนที่โรคจะลุกลาม ตรวจหลายชนิดในครั้งเดียว ใช้เลือดเพียงตัวอย่างเดียวเพื่อตรวจหาความเสี่ยงจากมะเร็งหลายชนิดพร้อมกัน ลดการรุกราน ต่างจากการส่องกล้องหรือเอกซเรย์ ใช้แค่การเจาะเลือดธรรมดา



ข้อจำกัดที่ต้องพัฒนา

  • การศึกษานี้มีผู้เข้าร่วมเพียง 52 ราย จัดเป็น “pilot study”
  • ยังต้องทดสอบในประชากรขนาดใหญ่เพื่อประเมินความแม่นยำ (sensitivity & specificity)
  • ยังไม่มีแนวทางชัดเจนสำหรับ “การติดตามเมื่อผลตรวจบวก” เพื่อป้องกันปัญหาการวินิจฉัยเกินจำเป็น

แล้วจะ “ใช้จริง” ได้เมื่อไหร่?

  • แม้ว่าผลลัพธ์จะชี้ให้เห็นศักยภาพสูง แต่ยังต้องผ่านขั้นตอนต่อไปก่อนใช้งานเชิงพาณิชย์หรือคลินิกจริง ดังนี้
  • การทดสอบระยะที่ 2–3 (Clinical validation):
  • ทีมวิจัยกำลังขยายการศึกษาในกลุ่มประชากรขนาดใหญ่กว่า 10,000 ราย เพื่อยืนยันผลในปี 2026–2027
  • การประเมินโดย FDA (สหรัฐฯ):
  • เทคโนโลยีตรวจเลือดแบบ MCED เช่น Galleri Test ของบริษัท Grail และโครงการของ Johns Hopkins กำลังอยู่ในขั้นตอนยื่นขออนุมัติ — คาดว่าจะมี “การอนุมัติบางส่วนเพื่อใช้คัดกรองกลุ่มเสี่ยงสูง” ในช่วง ปี 2027–2028 

การใช้ทั่วไป (Public adoption):

หากผ่านการรับรองและแสดงผลเชิงคลินิกที่ชัดเจน คาดว่า จะเริ่มใช้งานจริงในคลินิกเฉพาะทางภายใน ปี 2028–2030 และอาจขยายสู่การตรวจสุขภาพประจำปีในประชากรทั่วไปหลังจากนั้น แม้เทคโนโลยีนี้ “ยังไม่พร้อมใช้อย่างแพร่หลาย” ในปี 2025 แต่คาดว่าจะเริ่มมีการใช้จริงทางการแพทย์ในช่วงปลายทศวรรษนี้ (ประมาณ 3-5 ปีข้างหน้า)

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง