ทำไม การเลือกนายกรัฐมนตรีต้อง 'ขานชื่อ' แบบเปิดเผย?

การเลือกนายกรัฐมนตรีถือเป็นหัวใจสำคัญของระบอบประชาธิปไตย เนื่องจากเป็นขั้นตอนที่นำไปสู่การแต่งตั้งผู้นำฝ่ายบริหารของประเทศ กระบวนการลงมติจึงไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย แต่เป็นการตัดสินใจที่ต้องมีทั้งความโปร่งใส ความรับผิดชอบ และความน่าเชื่อถือสูงสุด ดังนั้นรัฐธรรมนูญไทยจึงกำหนดให้การลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีต้องทำแบบ “ขานชื่อเปิดเผย” เพื่อให้ทุกฝ่ายตรวจสอบได้
ภายหลังจากที่รัฐสภากำหนดวิธีการดังกล่าว เหตุผลหลักประการแรกคือเรื่อง ความโปร่งใส เพราะเมื่อสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรต้องขานชื่อโหวตออกมาต่อหน้าที่ประชุม ประชาชน สื่อมวลชน และผู้เกี่ยวข้องสามารถเห็นได้อย่างตรงไปตรงมาว่าใครเลือกฝ่ายใด ซึ่งช่วยลดข้อครหาเรื่องการซื้อเสียงหรือการล็อบบี้ทางการเมืองที่อาจเกิดขึ้น
ต่อมา สิ่งที่เชื่อมโยงกับความโปร่งใสก็คือ ความรับผิดชอบ การที่ผลการลงมติถูกเปิดเผยรายบุคคล ทำให้สมาชิกสภาต้องรับผิดชอบต่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งในเขตของตน หากโหวตสวนทางกับความคาดหวังของประชาชน หรือไม่สอดคล้องกับนโยบายที่เคยหาเสียงไว้ ก็จะถูกวิพากษ์วิจารณ์และตรวจสอบได้โดยตรง
ในช่วงเวลาเดียวกัน การบันทึกผลการลงมติแบบขานชื่อยังมีข้อดีคือสามารถ ตรวจสอบย้อนหลัง ได้ชัดเจน เนื่องจากทุกชื่อและการตัดสินใจจะถูกเก็บไว้เป็นหลักฐานทางการประชุม ทำให้สื่อและประชาชนสามารถย้อนกลับไปดูได้ว่า สส. คนใดลงคะแนนอย่างไร ต่างจากการลงคะแนนลับที่ไม่สามารถระบุได้ว่าใครเลือกทางไหน
อย่างไรก็ตาม เหตุผลสำคัญที่สุดที่ไม่อาจละเลยคือข้อกำหนดตาม รัฐธรรมนูญ มาตรา 159 ซึ่งระบุอย่างชัดเจนว่า การเลือกนายกรัฐมนตรีต้องใช้วิธีลงคะแนนแบบขานชื่อเปิดเผย เพื่อให้การตัดสินใจครั้งสำคัญที่สุดของประเทศดำเนินไปอย่างโปร่งใสและสอดคล้องกับเจตนารมณ์ประชาธิปไตย
เมื่อพิจารณาจากทั้งหมดนี้ จะเห็นได้ว่าการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีด้วยวิธีขานชื่อเปิดเผย ไม่ได้เป็นเพียงขั้นตอนทางเทคนิค แต่เป็นกลไกสำคัญที่สร้างทั้งความโปร่งใส ความรับผิดชอบ และความน่าเชื่อถือในกระบวนการประชาธิปไตยไทย
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
