THAI มั่นใจรายได้ฟื้นตัวปี65 ผนึกเอกชนเติมทุน2.5หมื่นล.
ทันหุ้น – THIA เดินหน้าเจรจาเงินกู้ภาคเอกชน 2.5 หมื่นล้านบาทตามแผนฟื้นฟู หลังคลังไม่เติมเงินให้ โดนหลังใช้สิทธิซื้อหุ้นเพิ่มทุนที่ราคา 2.54 บาท ส่งผลให้คลังถือหุ้นลดลง มั่นใจปี 2565 หากสถานการณ์โควิด-19 คลาย หนุนธุรกิจเดินได้ตามปกติ มีโอกาสสร้างรายได้แตะ 5 หมื่นล้านบาท หนุน EBIDA เป็นบวก
ดร.ปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ ประธานคณะผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ THAIเปิดเผยว่า บริษัทเตรียมเจรจากับคณะเจ้าหนี้ภาคเอกชนเพื่อขอวงเงินกู้ 2.5 หมื่นล้านบาท หลังมีความชัดเจนว่ากระทรวงการคลังจะไม่ใส่เงินเพิ่ม 2.5 หมื่นล้านบาท โดยคณะผู้บริหารแผนฯ เชื่อว่าเงินกู้ก้อนใหม่ที่จะได้จากธนาคารเอกชน 2.5 หมื่นล้านบาท จะสามารถเบิกเงินก้อนแรกได้ภายในไตรมาส 1/2565 โดยวงเงินดังกล่าวมั่นใจว่าเพียงพอต่อการดำเนินธุรกิจให้ฟื้นตัวได้
ทั้งนี้ หากสามารถสรุปวงเงินจากเจ้าหนี้ภาคเอกชนได้ และกลุ่มเจ้าหนี้ใช้สิทธิ์ “ซื้อหุ้นเพิ่มทุน” อัตราหุ้นละ 2.54 บาท สัดส่วนการถือหุ้นของกระทรวงการคลังจะลดลงจาก 48% เหลือ 8% เมื่อรวมกับสัดส่วนหุ้นของธนาคารออมสิน และกองทุนวายุภักษ์ 1-2 แล้วกระทรวงการคลังจะถือหุ้นรวมกันสัดส่วนประมาณ 14-15%อย่างไรก็ตามกระทรวงการคลังยังสามารถใช้สิทธิ์ “แปลงหนี้” 1.3 หมื่นล้านบาทเป็นทุน (13,000 x 2.54 = 33,020 หุ้น) เพื่อรักษาสัดส่วนการถือหุ้นไว้ที่ประมาณกว่า 20%
ปัจจุบัน กระทรวงคลัง ถือหุ้น THAI ในสัดส่วน 48% เมื่อรวมกับการถือหุ้นผ่านกองทุนวายุภักษ์ 1-2 และธนาคารออมสิน จะรวมเป็น 67% โดย THAIมิได้มีสถานะเป็นรัฐวิสาหกิจ ซึ่งโครงสร้างการถือหุ้นก็คล้ายกับที่รัฐเข้าถือหุ้นใน บริษัท ปตท จำกัด (มหาชน หรือ PTT และ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT
เร่งรัฐชำระหนี้ให้THAI
พร้อมกันนี้ ได้เรียกร้องให้รัฐบาลเร่งรัดให้หน่วยงานภาครัฐที่อยู่ในสถานะ “ลูกหนี้” ของ THAIและกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) พิจารณาชำระหนี้รวมวงเงินกว่า 5 พันล้านบาท คืนให้กับ THAI โดยเร็วเพื่อเข้ามาเสริมสภาพคล่อง และลดภาระอัตราดอกเบี้ยจ่ายของ THAI
นายชาย เอี่ยมศิริ ประธานเจ้าหน้าที่สายการเงินและสายบัญชี THAI กล่าวว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทปรับตัวดีขึ้นเป็นลำดับโดยเฉพาะรายได้จากธุรกิจบริการขนส่งสินค้า (คาร์โก้) ประกอบกับเมื่อรัฐบาลประกาศเปิดประเทศจำนวนผู้โดยสารต่อวันก็เร่งตัวขึ้นจากเฉลี่ยวันละ 300 คนเป็นประมาณ 750 ต่อวัน ขณะเดียวกันบริษัทสามารถปรับลดค่าใช้จ่ายลงได้อย่างมีนัยสำคัญ
ดังนั้นหากสถานการณ์โควิด-19 ทั่วโลกคลี่คลายลงอย่างต่อเนื่อง และไม่เกิดการแพร่ระบาดเป็นวงกว้างครั้งใหม่ขึ้นมาอีก คาดว่าในปี 2565 บริษัทจะสามารถสร้างรายได้รวมทั้งปีได้ประมาณ 5-5.2 หมื่นล้านบาท และจะมีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ก่อน ภาษี และค่าเสื่อมราคา (EBIDA) เป็นบวกได้อย่างแน่นอน และหากหลายประเทศทั่วโลกทยอยเปิดประเทศอย่างต่อเนื่อง คาดว่าบริษัทจะสามารถสร้างรายได้ทั้งปี 2566 ได้ใกล้เคียงกับช่วงก่อนเกิดวิกฤติโควิด-19 ที่ 1-1.2 แสนล้านบาท โดยที่กำไรสุทธิจะเร่งตัวขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
9 เดือนขาดทุนลดลง
บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ THAI เปิดเผยว่า บริษัทและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิในงวด 9 เดือนแรกของปี 2564 จำนวน 51,115 ล้านบาท ในขณะที่ปีก่อนขาดทุนสุทธิ 49,561 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 23.42 บาท จากปีก่อนที่ขาดทุนต่อหุ้น 22.70 บาท
กำไรก่อนหักภาษี ดอกเบี้ย ค่าเสื่อม และค่าใช้จ่ายตัดจ่าย (EBITDA) เป็นลบจำนวน 9,639 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อน 5,044 ล้านบาท อัตรากำไรก่อนหักภาษี ดอกเบี้ย ค่าเสื่อม และค่าใช้จ่ายตัดจ่าย (EBITDA Margin) เท่ากับ -64.2%เปรียบเทียบกับปีก่อนที่เท่ากับ -10.4%
ทั้งนี้ ในช่วง 9 เดือนแรกนั้น มีรายได้รวมทั้งสิ้น 14,990 ล้านบาท ต่ำกว่าปีก่อน 29,230 ล้านบาท หรือ 66.1% สาเหตุหลักจากรายได้จากการขนส่งผู้โดยสารและสินค้าลดลง 29,185 ล้านบาท รายได้จากบริการอื่นๆ ลดลง 1,288 ล้านบาท เนื่องจากมาตรการจำกัดการเดินทางระหว่างประเทศทั้งของไทยและประเทศต่าง