รีเซต

“เอสแอนด์พี”ประกาศคงเครดิตเรตติ้งประเทศไทยที่ BBB+

“เอสแอนด์พี”ประกาศคงเครดิตเรตติ้งประเทศไทยที่ BBB+
ทันหุ้น
12 ธันวาคม 2567 ( 14:46 )
7

เอสแอนด์พี คงอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทยที่ BBB+ และคงมุมมองความน่าเชื่อถือของประเทศไทยที่ระดับมีเสถียรภาพ พร้อมคาดจีดีพีไทยปีนี้โต 2.8% ส่วนปีหน้าโต 3.1% ชี้หากเสถียรภาพการเมืองดีเครดิตประเทศอาจถูกปรับเพิ่ม

 

#ทันหุ้น นายพชร อนันตศิลป์ ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 11ธันวาคม 2567 บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือ S&P Global Ratings (S&P) หรือ เอสแอนด์พี ได้คงอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทย (Sovereign Credit Rating) ที่ BBB+ และคงมุมมองความน่าเชื่อถือของประเทศไทย (Outlook) ที่ระดับมีเสถียรภาพ (Stable Outlook) โดยมีรายละเอียดที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการบริหารหนี้สาธารณะ ดังนี้

 

เอสแอนด์พี คาดว่า เศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวและเติบโตจาก 1.91%  ในปี 2566เป็น 2.8% และ 3.1%  ในปี 2567และ 2568 ตามลำดับ อันเป็นผลจากการดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่แท้จริง (Real GDP Growth) จะเติบโตเฉลี่ย 3.0%  ในช่วงปี 2567 – 2570ขณะที่ สัดส่วนการขาดดุลงบประมาณต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (Gross Domestic Product: GDP) เฉลี่ยคาดว่าจะอยู่ที่ร้อยละ 3.3ในช่วงปี 2568 – 2569

 

เอสแอนด์พียังมองว่า รัฐบาลไทยจะยังคงเน้นการลงทุนตามยุทธศาสตร์ชาติ รวมถึงโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor: EEC) และโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่ง โดยคาดว่าการลงทุน

ของรัฐวิสาหกิจและความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน (Public-Private-Partnerships) จะมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ และการลงทุนอย่างต่อเนื่องดังกล่าวจะยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของเศรษฐกิจไทยในระยะต่อไป

 

ด้านหนี้ภาครัฐบาลสุทธิต่อ GDP (Net General Government Debt to GDP) คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 3.3% ในปี 2568ซึ่งเป็นผลส่วนหนึ่งจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจตามโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท โดยคาดว่าการดำเนินงานตามมาตรการดังกล่าวจะทำให้การบริโภคของภาคเอกชนเติบโต

 

ด้านภาคการเงินต่างประเทศ (External Finance) แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่องจากการเกินดุลบัญชีเดินสะพัดที่ 1.4% ในปี 2566และคาดว่าตั้งแต่ปี 2567 – 2570ดุลบัญชีเดินสะพัดจะยังคงเกินดุลเฉลี่ย 2.3%จากการฟื้นตัวของภาคการบริการ (Services Exports) เป็นสำคัญ

 

ภาคการท่องเที่ยวฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะ 2ปีข้างหน้า โดยนับตั้งแต่เดือนมกราคม – ตุลาคม 2567จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้นเป็น 28.8ล้านคน หรือคิดเป็น 29.3% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากมาตรการของรัฐบาลในการยกเว้นการขอวีซ่าเข้าประเทศไทย

 

ปัจจัยสำคัญที่เอสแอนด์พีจะติดตามสำหรับพิจารณาการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ (Credit Rating) ของประเทศไทย คือ การเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศที่มีรายได้ระดับเดียวกัน (Peers) รายได้ต่อหัว (Income per Capita) และเสถียรภาพทางการเมืองในประเทศ

 

ทั้งนี้ ในรายงานของเอสแอนด์พีได้นำเสนอกรณีข้อเท็จจริงการจัดอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทย กรณีพิจารณาจากปัจจัยพื้นฐานต่างๆ ในภาพรวม อีกทั้ง หากการดำเนินนโยบายด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลมีความต่อเนื่องจะมีผลให้อันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทยอยู่ที่ระดับ A- โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัจจัยของเสถียรภาพทางการเมืองที่จะมีผลต่อความต่อเนื่องของการกำหนดนโยบายด้านเศรษฐกิจดังกล่าว

 

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง