ธนาคารกลาง รวมทั้งธปท.ซื้อทองคำมากขึ้นในทุนสำรอง วิเคราะห์โดย ฮั่วเซ่งเฮง
GOLD BULLISH
- การผ่อนคลายนโยบายการเงินของธนาคารกลางต่างๆ
- ความต้องการทองคำจากจีนในปีนี้คาดเพิ่มขึ้น
- ธนาคารกลางซื้อทองคำในทุนสำรองเพิ่มขึ้น
GOLD BEARISH
- ธนาคารกลางสหรัฐเริ่มส่งสัญญาณคุมเข้มนโยบายการเงิน
- เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัวอย่างชัดเจน
- การกระจายวัคซีนโควิด-19
ในปีนี้ธนาคารกลางกลับมาซื้อทองคำ
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาธนาคารกลางมีแนวโน้มซื้อทองคำเพิ่มขึ้นทุกปีและเริ่มมีบทบาทในตลาดทองคำ แต่ในปีที่แล้วความต้องการทองคำจากธนาคารกลางลดลงอย่างมีนัยสำคัญเหลือเพียง 272 ตัน เนื่องจากผลกระทบจากสถานการณ์โควิดที่กระทบให้เงินทุนสำรองระหว่างประเทศของหลายประเทศลดลง ทำให้ในไตรมาส 3 เห็นมียอดขายสุทธิออกมาด้วยโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเดือนส.ค. แต่ผมยอมรับว่าไม่มั่นใจว่าที่ขายออกมาเพราะราคาทองคำปรับขึ้นไปสูงมากจนอาจมองว่าราคาทองคำน่าจะมีแนวโน้มลดลงหรือเปล่า ทำให้มีการปรับลดการถือครองทองคำในเงินทุนสำรองระหว่างประเทศลง ความต้องการทองคำจากธนาคารกลางในปีที่แล้วลดลงเกือบ 400 ตันหรือลดลงถึง 59% เมื่อเทียบกับปี 2562
แรงซื้อขายทองคำของธนาคารกลาง
ที่มา : World Gold Council
ธปท.เป็นผู้ซื้อทองรายใหญ่
ในปีนี้ความต้องการทองคำจากธนาคารกลางเริ่มมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ในไตรมาส 1 ของปีนี้ความต้องการทองคำจากธนาคารกลาง 95 ตัน ถือว่าส่งสัญญาณที่ดี เพราะเมื่อเทียบกับในไตรมาส 4 ของปีที่แล้วเพิ่มขึ้น 20% แต่ความต้องการทองคำจากธนาคารกลางยังไม่ได้แข็งแกร่งเพราะเมื่อเทียบกับในไตรมาส 1 ของปีที่แล้วกลับลดลง 23% ทั้งนี้ในเดือนพ.ค.มียอดซื้อทองคำสุทธิติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4 ที่น่าสนใจคือธปท.เป็นผู้ซื้อทองรายใหญ่ นอกจากเป็นการเข้าซื้อทองคำติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 ยังเป็นการเข้าซื้อที่มีสัดส่วนสูงถึง 82% ของยอดซื้อสุทธิของธนาคารกลางทั่วโลก ธปท.ซื้อทองในเดือนเม.ย.และเดือนพ.ค.สูงถึง 43.5 ตัน และ 46.7 ตัน ผมมองว่าที่น่าสนใจและน่าสังเกตว่าธปท.เข้าซื้อทองในช่วงที่ราคาทองคำอยู่ในช่วงกำลังเป็นขาขึ้น นั่นหมายความว่าน่าจะมีกำไรจากการเข้าซื้อทองคำพอสมควรทีเดียว ลองคำนวณตัวเลขกันเองนะครับ การเข้าซื้อทองคำเยอะขนาดนี้ทำให้ตอนนี้ธปท.มีทองคำในทุนสำรอง 244.2 ตัน สัดส่วน 6% ของเงินทุนสำรองระหว่างประเทศ ดร.เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการ ธปท. ท่านให้เหตุผลว่าธปท.เข้าซื้อทองเพื่อความมั่นคง กระจายความเสี่ยง ป้องกันความเสี่ยง และเหตุผลสุดท้ายคือผลตอบแทน นอกจากธปท.แล้วมีเพียงธนาคารกลางฮังการีที่เข้าซื้อทองคำในปริมาณที่สูงในปีนี้ ดังนั้นในปีนี้คาดหวังว่าแรงซื้อของธนาคารกลางอาจจะกลับมาเป็นปัจจัยหนุนต่อทองคำด้วย
ธนาคารกลางที่เป็นผู้ซื้อทองคำรายใหญ่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
ที่มา : World Gold Council
สัปดาห์นี้การปรับขึ้นของราคาทองคำคาดลดความร้อนแรงลง หลังจากที่สัปดาห์ก่อนราคาทองคำปรับขึ้นแรงตอบรับการแถลงนโยบายการเงินรอบครึ่งปีของประธานเฟดต่อสภาคองเกรส ระบุว่า เฟดจะยังไม่เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยและยังคงซื้อพันธบัตรตามมาตรการ QE สำหรับแนวโน้มราคาทองคำในสัปดาห์นี้คาดเคลื่อนไหวในกรอบ 1,790-1,840 ดอลลาร์ ประเด็นที่คาดจะกระทบต่อราคาทองคำในสัปดาห์นี้ ได้แก่ การประชุมธนาคารกลางยุโรป คาดการณ์ว่ายังคงมีมติผ่อนคลายนโยบายการเงินต่อไป แต่ต้องดูมุมมองของประธานธนาคารกลางยุโรปต่อแนวโน้มเศรษฐกิจยูโรโซน ตัวเลขภาคอสังหาริมทรัพย์ของสหรัฐเดือนมิ.ย. ได้แก่ การอนุญาตก่อสร้าง การเริ่มสร้างบ้านและยอดขายบ้านมือสอง ซึ่งตลาดประเมินว่าจะออกมาดีขึ้น ดังนั้นเงินดอลลาร์อาจแข็งค่าขึ้นได้และกดดันต่อราคาทองคำ ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐอื่นๆ ได้แก่ ดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคบริการเดือนก.ค. จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ โดยทองคำมีแนวรับที่ 1,800 ดอลลาร์ และ 1,790 ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้านที่ 1,833ดอลลาร์ และ 1,840 ดอลลาร์ ส่วนราคาทองแท่งในประเทศมีแนวรับ 28,000 บาท และ 27,850 บาท ขณะที่มีแนวต้านที่ 28,300 บาท และ 28,400 บาท