CPANELเคาะไอพีโอ6บ. ระดมทุนอัพฐานแกร่ง
ทันหุ้น - CPANEL เคาะราคา IPO อยู่ที่ 6 บาทต่อหุ้น เตรียมตั้งโต๊ะเปิดจองวันที่ 21-23 ก.ย. 64 และคาดเข้าเทรดวันแรกในตลาด mai วันที่ 30 ก.ย. นี้ หวังระดมทุนสร้างโรงงานแห่งที่ 2จัดเต็มเครื่องจักรการผลิตระบบ Fully Automated เสริมแกร่ง
ดร.สมภพ ศักดิ์พันธ์พนม ประธานกรรมการ บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด หรือ APM ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน บริษัท ซีแพนเนล จำกัด (มหาชน) หรือ CPANEL กล่าวว่าได้กำหนดราคาเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) ที่ราคา 6 บาทต่อหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) 1 บาทต่อหุ้น จำนวนหุ้น IPO ที่เสนอขาย 39.50 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วน 26.33% ของจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมด และจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) หมวดอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง (PROPCON) ซึ่งจะเปิดให้นักลงทุนจองซื้อในวันที่ 21-23 กันยายน 2564 คาดว่าจะสามารถเข้าทำการซื้อขายวันแรกได้ในวันที่ 30 กันยายน 2564
นายสมภพ กีระสุนทรพงษ์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ CPANEL กล่าวว่า CPANEL ถือเป็นหนึ่งในผู้นำธุรกิจผลิตและจำหน่ายแผ่นคอนกรีตสำเร็จรูป ทั้งในด้านประสิทธิภาพผลิตภัณฑ์ การผลิตที่ใช้เทคโนโลยีทันสมัย และการยอมรับจากผู้ประกอบการภาคอสังหาริมทรัพย์-ก่อสร้างชั้นนำในประเทศ โดยการระดมทุนเพื่อนำเงินไปขยายโรงงานแห่งใหม่ รองรับความต้องการของตลาดที่มีแนวโน้มสูงขึ้น จะช่วยเสริมศักยภาพการเติบโตในอนาคต
ขยายฐานแกร่ง
นายชาคริต ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีแพนเนล จำกัด (มหาชน) หรือ CPANEL กล่าวว่า วัตถุประสงค์ของการระดุมทุนที่ได้ในครั้งนี้ไปใช้นั้น หลักๆ บริษัทวางแผนที่จะนำเงินไปใช้ก่อสร้างโรงงานแห่งที่ 2ด้วยระบบการผลิต Fully Automated รองรับกำลังการผลิตให้สอดคล้องกับความต้องการในอนาคต ขนาด 7.2 แสนตารางเมตร จำนวน 100-150ล้านบาท เบื้องต้นคาดเริ่มดำเนินการก่อสร้างในไตรมาส 2/2565และจะแล้วเสร็จพร้อมเดินเครื่องทดสอบการทำงาน (Commissioning Tests) ในช่วงไตรมาส 4/2566และคาดจะเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ภายในไตรมาส 1/2567 เป็นต้นไป
รวมถึงชำระคืนเงินกู้จากสถาบันการเงิน จำนวน 50-100 ล้านบาท และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ จำนวน 20.40 ล้านบาท เป็นต้น ทั้งนี้บริษัทมองว่าตลาด Precast Concrete ยังคงมีโอกาสในการขยายตัวได้อีกมากในอนาคต ทั้งในส่วนของอสังหาริมทรัพย์แนวราบและแนวสูง สะท้อนต่อแนวโน้มคำสั่งซื้อที่จะเข้ามาเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ดี มูลค่างานในมือที่รอการส่งมอบ (Backlog) ณ 30 มิถุนายน 2564 อยู่ที่ 1,156.03 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้เข้ามาอย่างต่อเนื่องใน 3 ปีจากนี้ (2564-66)