รัฐเข้มปราบทัวร์นอมินี-มัคคุเทศก์เถื่อน

นางสาวนัทรียา ทวีวงศ์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้ร่วมมือหน่วยงานพันธมิตร เดินหน้าตรวจสอบบริษัทนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ พร้อมบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง เพื่อยกระดับมาตรฐานและความปลอดภัยของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย พร้อมลงพื้นที่รายจังหวัดตรวจสอบข้อเท็จจริง และความพร้อมของแหล่งท่องเที่ยว
นอกจากนี้ ยังได้เน้นย้ำให้กรมการท่องเที่ยว บูรณาการการทำงานร่วมกับ 5 หน่วยงาน ได้แก่ สำนักงานปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กรมสอบสวนคดีพิเศษ กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว และสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ภายใต้ชื่อ "ศูนย์ปฏิบัติการร่วมแก้ไขปัญหาการประกอบธุรกิจท่องเที่ยว ที่ใช้คนไทยเป็นตัวแทนอำพราง" หรือ ศปต. เพื่อขับเคลื่อนภารกิจแก้ไขปัญหาทัวร์นอมินีและมัคคุเทศก์เถื่อน
โดยลงพื้นที่ตรวจสอบบริษัทนำเที่ยวและการปฏิบัติหน้าที่ของมัคคุเทศก์ในแหล่งท่องเที่ยวสำคัญทั่วประเทศ และบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับนักท่องเที่ยว และภาพลักษณ์ของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย
ด้าน นายจาตุรนต์ ภักดีวานิช อธิบดีกรมการท่องเที่ยว กล่าวว่า กรมการท่องเที่ยวกำหนดแนวทางในการกำกับดูแลบริษัทนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ให้เป็นไปตามกฎหมาย โดยลงพื้นที่สุ่มตรวจสถานประกอบการของบริษัทนำเที่ยวและการทำหน้าที่ของมัคคุเทศก์ในแหล่งท่องเที่ยวทั่วประเทศอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2567 ถึงเดือนมีนาคม 2568
ทั้งนี้ มีการตรวจสอบบริษัทนำเที่ยว จำนวน 940 ราย และมัคคุเทศก์ จำนวน 338 ราย พบการกระทำความผิดของบริษัทนำเที่ยว 3 ลำดับแรก คือ การประกอบธุรกิจนำเที่ยวโดยไม่ได้รับอนุญาต การไม่แสดงใบอนุญาต และการไม่ทำประกันให้นักท่องเที่ยว
ส่วนความผิดหลักของมัคคุเทศก์ คือ การปฏิบัติหน้าที่โดยไม่มีใบอนุญาต และการไม่แสดงใบสั่งงาน ดังนั้น จึงขอแนะนำให้บริษัทนำเที่ยวต่อใบอนุญาตนำเที่ยว ให้เรียบร้อย ซึ่งทำล่วงหน้าก่อนหมดอายุได้ 30 วัน รวมทั้งการทำประกันภัยสำหรับอุบัติเหตุให้แก่นักท่องเที่ยวทุกครั้ง
สำหรับผู้สนใจประกอบธุรกิจนำเที่ยวสามารถติดต่อขอทราบข้อมูลและยื่นเอกสารได้ที่สำนักงานทะเบียนธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ทั้ง 8 สาขาทั่วประเท
อย่างไรก็ตาม ในปี 2568 นี้ จะตรวจสอบและบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้นต่อเนื่องต่อไป และโอกาสนี้ ขอขอบคุณประชาชนผู้ให้ข้อมูลเบาะแสเกี่ยวกับบริษัทนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ที่กระทำผิดผ่านช่องทางเฟซบุ๊กเพจกรมการท่องเที่ยว หรืออีเมล ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง ช่วยให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบและบังคับใช้กฎหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ