PROUD ผุดโปรเจ็กต์บ้านหรู รุกปั้นแนวราบทำเลทอง

PROUD เปิดตัวโครงการแนวราบสุดหรูแห่งแรก "VI ARI" ย่านอารีย์ จำนวน 6 ยูนิต ราคาต่ำสุดที่ 82 ล้านบาท มูลค่าโครงการรวมกว่า 495 ล้านบาท คาดเริ่มโอนยูนิตแรกในไตรมาส 4/2566 นี้ กางแผนเดินหน้าพัฒนาแนวราบโปรเจ็กต์ใหม่ในกรุงเทพฯ และตะวันตก

นายพสุ  ลิปตพัลลภ  กรรมการบริหาร บริษัท พราว เรียล เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ PROUD เปิดเผยว่า ล่าสุด บริษัทได้เปิดตัวโครงการวี อารีย์ (VI ARI) นับเป็นโครงการแนวราบแห่งแรกของบริษัทอย่างเป็นทางการ และเป็นบ้านเดี่ยวระดับอัลตร้าลักซ์ชัวรี 3.5 ชั้น บนที่ดิน 53-56.4 ตารางวา พื้นที่ใช้สอย 550 ตารางเมตร ฟังก์ชั่น 3.5 ห้องนอน 1 ห้องแม่บ้าน 3 ที่จอดรถ พร้อมสระว่ายน้ำและลิฟต์ส่วนตัวทุกหลัง

** ปั้นอัลตร้าลักซ์ชัวรี

ทั้งนี้ โครงการ VI ARI สุดเอ็กซ์คลูซีฟความเป็นส่วนตัว ด้วยจำนวนเพียง 6 ยูนิต มูลค่ารวมโครงการอยู่ที่ 495 ล้านบาท ราคาเริ่มต้นเสนอที่ระดับ 82 ล้านบาท และสูงสุดที่ระดับราคา 100 ล้านบาท ปัจจุบันได้เริ่มเปิดให้เยี่ยมชมโครงการบ้างแล้ว และได้รับการตอบรับและความสนใจจากลูกค้าเข้ามาหลายรายแล้ว โดยมีกำหนดเปิดจองซื้อในวันที่ 20 กรกฎาคม 2566

เบื้องต้นคาดว่าจะสามารถปิดโครงการได้ภายในสิ้นปี 2566 นี้ และยูนิตแรกจะสามารถโอนกรรมสิทธิ์ได้ภายในไตรมาส 4/2566 ในส่วนยูนิตที่เหลือนั้น บริษัทคาดว่าจะสามารถทยอยโอนกรรมสิทธิ์ให้กับลูกค้าและรับรู้เข้ามาเป็นรายได้ภายในปี 2567 ได้ทั้งหมด อย่างไรก็ดี มองว่าในทำเลดังกล่าวยังมีสินค้าบ้านเดี่ยวที่เป็นระดับซุปเปอร์ลักซ์ชูรี หรืออัลตร้าลักซ์ชูรี หรือที่มีระดับราคาตั้งแต่ 60-70 ล้านบาท เป็นต้นไปน้อยมาก ต่ำกว่า 10-15 ยูนิตเท่านั้น ความต้องการยังคงมีอยู่ เพียงแต่การตัดสินใจอาจต้องใช้ระยะเวลา

"จุดเด่นที่สร้างความแตกต่างของทำเลอารีย์ คือ ตั้งอยู่ในย่านธุรกิจที่แวดล้อมไปด้วยพื้นที่สำนักงานระดับ A+ และ A ทั้งภาครัฐและเอกชน มีพื้นที่สำนักงานให้เช่าในปัจจุบันและที่กำลังก่อสร้างกว่า 1.6 ล้านตร.ม. ประกอบกับความสะดวกในการคมนาคม ทั้งรถไฟฟ้า BTS ตำแหน่งใกล้จุดขึ้น-ลงทางด่วน สามารถเชื่อมต่อไปยังทำเลอื่นๆ ที่สำคัญของกรุงเทพฯ ได้อย่างครอบคลุม อีกทั้งยังเป็นแหล่งไลฟ์สไตล์ อยู่ใกล้สถานศึกษา และเป็นศูนย์รวมโรงพยาบาลชั้นนำ จึงเรียกทำเลนี้ได้ว่าเป็นทำเลที่มีศักยภาพ และมีโอกาสที่จะถูกพัฒนาให้มีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้นในอนาคต"นายพสุ กล่าว

** รุกแนวราบ

นายพสุ กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทมีความสนใจและมองหาโอกาสที่จะพัฒนาโครงการแนวราบเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะในทำเลที่มีศักยภาพและมีความต้องการที่อยู่อาศัยอย่างแท้จริง ปัจจุบันมีทำเลที่อยู่ระหว่างการศึกษาแถบตะวันตกของกรุงเทพฯ เจาะกลุ่มระดับกลาง-บน หรือราคาตั้งแต่ 4-5 ล้านบาทขึ้นไป โดยภายในระยะเวลา 3-5 ปีจากนี้ คาดว่าจะพัฒนาโครงการในแต่ละปีเฉลี่ยมูลค่าไม่น้อยกว่าหลักพันล้านบาท

ประเด็นเรื่องการเมืองในประเทศที่ยังคงไม่มีความชัดเจนนั้น มองว่าการเมืองที่ชัดเจนก็จะช่วยผลักดันเศรษฐกิจและการลงทุนในประเทศเดินหน้าได้เร็วมากยิ่งขึ้น ซึ่งมันดีกับ Sentiment ของการลงทุน และก็คาดหวังว่าความชัดเจนทางการเมืองคงไม่ยืดเยื้อไปจนถึงเดือนสิงหาคม 2566 นี้ ขณะที่สถาบันการเงินยังคงให้การสนับสนุนกับบริษัทเป็นอย่างดีไม่มีปัญหาแต่อย่างใด