โควิด-19 : ศบค.เตรียมยกร่างมาตรการผ่อนปรนระยะ 2 คาดเปิดกิจการเพิ่มได้ 17 พ.ค.นี้

ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) เตรียมยกร่างมาตรการผ่อนปรนมาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการระบาดของโควิด-19 ในระยะที่ 2 สัปดาห์หน้า หากจำนวนผู้ติดเชื้อไม่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญคาดว่ากิจการและกิจกรรมในกลุ่มที่มีความเสี่ยงต่ำหรือ "กลุ่มสีเขียว" จะกลับมาเปิดบริการได้ในวันที่ 17 พ.ค.
นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค.แถลงผลการประชุม ศบค. ซึ่งมีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเป็นประธานวันนี้ (7 พ.ค.) ว่าที่ประชุมได้รับทราบสถานการณ์การระบาด ซึ่งพบว่าจำนวนผู้ติดเชื้อลดน้อยลง ผู้ติดเชื้อรายใหม่ต่ำกว่า 10 รายต่อเนื่องกันหลายวัน โดยวันนี้พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 3 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิต
ขณะนี้ไทยมีผู้ป่วยสะสม 2,992 ราย รักษาอยู่ในโรงพยาบาล 165 ราย ผู้เสียชีวิตสะสม 55 ราย
- โควิด-19 : ศบค. เคาะมาตรการผ่อนปรน 6 กลุ่มกิจการ-กิจกรรม เริ่ม 3 พ.ค.
- โควิด-19 : New Normal วิถีชีวิตใหม่คนไทยหลังผ่อนปรนมาตรการคุมไวรัสโคโรนา
นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่าที่ประชุม ศบค.ได้หารือถึงแนวทางการผ่อนปรนมาตรการล็อกดาวน์ระยะที่ 2 ต่อจากการผ่อนปรนระยะที่ 1 ซึ่งอนุญาตให้กิจการและกิจกรรม 6 ประเภทกลับมาดำเนินการได้ตั้งแต่วันที่ 3 พ.ค. สำหรับการผ่อนปรนระยะที่ 2 มีปฏิทินดำเนินการดังนี้
- 8-12 พ.ค. รับฟังความคิดเห็นเรื่องผลจากการผ่อนปรนระยะที่ 1 โดยจะดูข้อมูลสถานการณ์การระบาดประกอบด้วย
- 13 พ.ค. ซักซ้อมความเข้าใจกับหน่วยงานและทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง
- 14 พ.ค. ยกร่างข้อกำหนดมาตรการผ่อนปรนระยะที่ 2 และนำเสนอต่อนายกฯ
- 17 พ.ค. เริ่มมาตรการผ่อนปรนระยะที่ 2 (หากไม่มีเหตุการณ์การระบาดเพิ่มขึ้น)
"ก่อนจะถึงวันที่ 17 พ.ค.ทุกท่านต้องช่วยกัน ถ้าท่านทำกันอย่างดี ๆ การติดเชื้อไม่ได้เพิ่มขึ้นมามาย อีก 10 วันข้างหน้าเราก็จะเข้าสู่มาตรการผ่อนปรนระยะสองได้ ซึ่งเป็นกิจการที่มีขนาดใหญ่ขึ้น มีคนเข้าไปพลุกพล่านมากขึ้น" นพ.ทวีศิลป์กล่าว
สำหรับกิจการกลุ่มสีเขียวซึ่งเป็นกิจการที่มีความเสี่ยงต่ำ ได้แก่ สถานประกอบการขนาดเล็ก ไม่มีการสัมผัสตัว เช่น ร้านหนังสือ ร้านขายเสื้อผ้า ร้านค้าทั่วไป ร้านขายวัสดุก่อสร้าง สนามออกกำลังกายกลางแจ้ง ลานกีฬา สนามเทนนิส
ทั้งนี้กิจการที่ได้รับอนุญาตให้เปิดดำเนินการตามมาตรการผ่อนปรนระยะที่ 1 เมื่อวันที่ 3 พ.ค. มีทั้งหมด 6 ประเภท ได้แก่
1.ตลาด : ตลาดสด ตลาดนัด ตลาดน้ำ ตลาดชุมชน ถนนคนเดิน แผงลอย
2.ร้านจำหน่ายอาหาร : ร้านอาหารทั่วไป ร้านเครื่องดื่ม ขนมหวาน ไอศครีม (นอกห้าง) ร้านอาหารริมทาง รถเข็น หาบเร่
3.กิจการค้าปลีก-ส่ง : ซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านสะดวกซื้อบริเวณพื้นที่นั่ง/ยืนรับประทาน รถเร่หรือรถวิ่งขายสินค้าอุปโภคบริโภค ร้านค้าปลีกขนาดย่อม ร้านค้าชุมชน ร้านค้าปลีกธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคม
4.กีฬาสันทนาการ : กิจกรรมในสวนสาธารณะ ได้แก่ เดิน รำไทเก็ก สนามกีฬากลางแจ้งที่เป็นการออกกำลังกายโดยไม่ได้เล่นเป็นทีมและไม่มีการแข่งขัน ได้แก่ เทนนิส ยิงปืน ยิงธนู จักรยาน กอล์ฟและสนามซ้อม
5.ร้านตัดผมเสริมสวย : ร้านตัดผมเฉพาะตัด สระ ไดร์ผม
6.อื่น ๆ : ร้านตัดขนสัตว์ ร้านรับฝากเลี้ยงสัตว์นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่าที่ประชุม ศบค.ได้หารือถึงแนวทางการผ่อนปรนมาตรการล็อกดาวน์ระยะที่ 2 ต่อจากการผ่อนปรนระยะที่ 1 ซึ่งอนุญาตให้กิจการและกิจกรรม 6 ประเภทกลับมาดำเนินการได้ตั้งแต่วันที่ 3 พ.ค. สำหรับการผ่อนปรนระยะที่ 2 มีปฏิทินดำเนินการดังนี้
ปรับเป้าการตรวจหาเชื้อ
นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า ในที่ประชุม ศบค. นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรคเสนอแผนตรวจหาผู้ติดเชื้อในประชากรกลุ่มเสี่ยง โดยล่าสุดกรมควบคุมโรคตั้งเป้าหมายที่จะทำการตรวจให้ได้ 6,000 รายต่อล้านประชากร หรือคิดเป็นประมาณ 400,000 รายของประชากรในประเทศ ซึ่งขณะนี้มีการตรวจไปประมาณ 2 แสนกว่าราย หรือประมาณครึ่งหนึ่ง อีกครึ่งหนึ่งจะมีการเจาะจงไปที่กลุ่มผู้ป่วยเข้าเกณฑ์การสอบสวนโรคและกลุ่มเสี่ยง ได้แก่ บุคลากรทางการแพทย์ ผู้ต้องหาแรกรับ ผู้ต้องกักและอาชีพเสี่ยงอื่น ๆ
ความคืบหน้าจ่ายเงินช่วยเหลือ 5,000 บาท
นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง โฆษกกระทรวงการคลัง รายงานคืบหน้าการรับเงินช่วยเหลือ 5,000 บาทว่า นับตั้งแต่วันที่ 28 มี.ค. มียอดผู้ลงทะเบียนรับการช่วยเหลือและเข้าสู่กระบวนการคัดกรองทั้งสิ้น 22.3 ล้านคน ขณะนี้มีผู้ผ่านเกณฑ์แล้ว 13.4 ล้านคน ซึ่งคาดว่าเจ้าหน้าที่จะโอนเงินให้ประชาชนจำนวน 11 ล้านคนเสร็จสิ้นภายในวันพรุ่งนี้ (8 พ.ค.) ส่วนที่เหลือจะมีการโอนเงินภายในสัปดาห์หน้า
นายลวรณชี้แจงว่าสำหรับผู้ที่ไม่ผ่านเกณฑ์ในการรับความช่วยเหลือจำนวนกว่า 10 ล้านคนนั้นสามารถขอทบทวนสิทธิได้ โดยจะมีผู้พิทักษ์สิทธิลงพื้นที่ตรวจสอบ