ททท. เล็งขยายเวลาโครงการ "เราเที่ยวด้วยกัน" ถึงสงกรานต์ปีหน้า
วันนี้ (25 พ.ย.63) นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า โครงการเราเที่ยวด้วยกัน ได้รับการตอบรับดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังจากประชาชนเริ่มเข้าใจการใช้จ่ายผ่านแอปพลิเคชั่น "เป๋าตัง" มากขึ้น ผ่านโครงการคนละครึ่ง ทำให้ปัจจุบันยอดเข้าพักจาก 5 ล้านห้อง/คืน ปัจจุบันเหลือ 1.2 ล้านห้อง/คืน และเชื่อว่าเมื่อสิ้นสุด 31 ม.ค. ปริมาณการใช้สิทธิอาจเต็ม 5 ล้านห้อง/คืน
สำหรับโครงการดังกล่าว นับว่าเป็นความสำเร็จอีกหนึ่งโครงการ เป้าหมายเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว สร้างรายได้ให้กับภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้อง ในช่วงที่ไม่มีรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยมากนัก และเชื่อว่า รัฐบาลจะมีโครงการลักษณะนี้ต่อในช่วงตรุษจีน หรือ สงกรานต์ปี 2564 นี้
อย่างไรก็ตาม งบประมาณในการดำเนินโครงการอาจใช้เม็ดเงินที่เหลือจากโครงการเราเที่ยวด้วยกัน วงเงินทั้งหมด 20,000 ล้านบาท ซึ่งสนับสนุนการเข้าพักไม่เกิน 3,000 บาท ต่อห้อง/คืน ซึ่งคิดเป็นค่าห้องสูงสุด 7,500 บาทต่อคืน แต่ปัจจุบันผู้ใช้สิทธิ์ในโครงการเราเที่ยวด้วยกันยังคงอยู่ที่ระดับค่าห้อง 2,800 บาท เท่านั้น
สำหรับแผนเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ รัฐบาลยังให้ความสำคัญกับความรู้สึกและความปลอดภัยของประชาชนไทย ซึ่งรัฐบาลดำเนินการหารือเปิดประเทศกับประเทศที่ไม่มีการแพร่ระบาดอย่างต่อเนื่อง แต่ทั้งหมดยังมีความไม่แน่นอนสูง โดยเฉพาะช่วงฤดูหนาวที่หลายประเทศเริ่มกลับมาเกิดการแพร่ระบาดอีกครั้ง
นอกจากนี้ ททท.เตรียมประกาศปี 2564-2565 เป็นปีแห่งการท่องเที่ยว โดยปรับโครงสร้างการพึ่งพาการท่องเที่ยวในประเทศให้สูงขึ้นจากปี 2562 ที่อยู่ระดับ 35% และการท่องเที่ยวต่างชาติ 65% โดยกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศไทยมากขึ้น
ขณะนี้นักท่องเที่ยวทั่วโลกต้องการเดินทางมาไทย และแนวทางของรัฐบาล ต้องการปรับรูปแบบ เน้นนักท่องเที่ยวเชิงคุณภาพมากขึ้น เช่น นักท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ นักกีฬา เป็นต้น ซึ่งในปีหน้า ททท.มีการวางแผนการตลาดดึงกลุ่มนี้ เข้ามาในประเทศมากขึ้น และตั้งเป้าภายใน 2 ปี หรือ ปี 2565 รายได้จากการท่องเที่ยวจะกลับมาใกล้เคียงปี 2562 ที่ระดับ 2.7 ล้านล้านบาท
เกาะติดข่าวที่นี่website: www.TNNTHAILAND.comfacebook : TNNONLINE
facebook live : TNN Live
twitter : TNNONLINE
Line : @TNNONLINE
Youtube Official : TNNONLINE
Instagram : TNN_ONLINE
TIKTOK : @TNNONLINE