สุริยะ ยันไม่เคยบีบ “แพทองธาร” ลาออกหัวหน้าเพื่อไทย เตรียมฟ้อง “ไทกร” กุข่าวเท็จ

สุริยะ ปัดข่าวบีบ “แพทองธาร” ลาออกหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ยันเติบโตจากไทยรักไทย ไม่คิดทรยศ

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ แกนนำพรรคเพื่อไทย ออกมาชี้แจงหลังมีกระแสข่าวจากนายไทกร พลสุวรรณ ที่โพสต์ระบุว่าตระกูลจึงรุ่งเรืองกิจเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการลาออกของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร จากตำแหน่งหัวหน้าพรรคเพื่อไทย โดยอ้างว่าหากไม่ลาออกจะมีการนำสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกว่า 70 คนออกไปตั้งพรรคใหม่ ซึ่งนายสุริยะยืนยันว่า “ไม่เป็นความจริง”

นายสุริยะ ระบุว่า ข้อความดังกล่าวเป็นการ “กุข่าวเท็จ” ที่สร้างความเสียหายต่อชื่อเสียงของตนและครอบครัว โดยได้หารือกับฝ่ายกฎหมายของพรรคและเตรียมดำเนินคดีอาญาในข้อหาหมิ่นประมาท พร้อมย้ำว่าจะไม่มีการยอมความในคดีนี้อย่างเด็ดขาด

ยันภักดีต่อพรรคเพื่อไทย – เตรียมฟ้องคดีอาญา “ไทกร”

นายสุริยะ ยืนยันว่า ตนเองเป็นหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งพรรคไทยรักไทย ร่วมงานกับนายทักษิณ ชินวัตร ในฐานะเลขาธิการพรรค ก่อนจะย้ายมาสังกัดพรรคเพื่อไทยและได้รับตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี รวมถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม โดยกล่าวว่า “สิ่งที่ได้รับจากนางสาวแพทองธารมีแต่ความเมตตา ไม่มีเหตุผลใดจะต้องทรยศพรรคหรือนำ ส.ส. ออกไปตั้งพรรคใหม่”

พร้อมระบุว่า จุดยืนของตนคือช่วยเสริมให้พรรคมีความแข็งแกร่งครบ 200 คน ตามเป้าหมายที่ประกาศไว้ก่อนหน้า มากกว่าจะคิดถอนตัวหรือสร้างความแตกแยก

ปัดข่าวแคนดิเดตหัวหน้าพรรคใหม่ – เผยพรรคเตรียมหาคนรุ่นใหม่ขึ้นนำ

สำหรับกระแสข่าวที่มีชื่อของนายสุริยะเป็นแคนดิเดตหัวหน้าพรรคเพื่อไทยคนใหม่ นายสุริยะ ชี้แจงว่า “ยังไม่พร้อมรับตำแหน่ง เพราะถึงเวลาที่พรรคต้องมีผู้นำรุ่นใหม่ที่มีพลังและวิสัยทัศน์ทันต่อการเมืองยุคใหม่” พร้อมยืนยันว่าจะให้การสนับสนุนหัวหน้าพรรคคนใหม่อย่างเต็มที่

นายสุริยะ กล่าวเพิ่มเติมว่า พรรคเพื่อไทยจะพิจารณาอย่างรอบคอบเพื่อเลือกบุคคลที่เหมาะสมที่สุดมานำพาพรรคไปสู่การเลือกตั้งครั้งต่อไป และตอบโจทย์ประชาชนในด้านเศรษฐกิจและสังคมได้จริง

“ไม่ใช่คนในตระกูลชินวัตร” แต่ยังเป็นคนในพรรคเพื่อไทย

เมื่อถูกถามว่าการเปลี่ยนหัวหน้าพรรคครั้งนี้จะช่วยลบภาพพรรคที่ผูกพันกับตระกูลชินวัตรหรือไม่ นายสุริยะ กล่าวว่า “พรรคเพื่อไทยมีรากฐานจากตระกูลชินวัตร ตั้งแต่ยุคพรรคไทยรักไทยที่นายทักษิณเป็นหัวหน้า และประชาชนยังจดจำผลงานอย่าง 30 บาทรักษาทุกโรคได้ดี”

อย่างไรก็ตาม นายสุริยะ ย้ำว่าการเมืองต้องมีการเปลี่ยนผ่าน และครั้งนี้พรรคกำลังมองหาผู้นำที่ไม่ใช่คนในตระกูลชินวัตร แต่ยังเป็นคนในพรรคที่มีความรู้ ความสามารถ และพร้อมนำพาพรรคเดินหน้าต่ออย่างมั่นคง