รีเซต

กินภาษีไปซะ! "ทรัมป์" ขู่ธุรกิจอเมริกัน ห้ามขึ้นราคาสินค้า

กินภาษีไปซะ! "ทรัมป์" ขู่ธุรกิจอเมริกัน ห้ามขึ้นราคาสินค้า
TNN ช่อง16
29 พฤษภาคม 2568 ( 08:00 )
12

ภาษีทรัมป์ กับ ราคาสินค้าในอเมริกา ? 


ภาษีทรัมป์จะทำให้ราคาสินค้าสูงขึ้น นี่คือสิ่งที่หลายฝ่ายออกมาเตือน 

แต่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำของสหรัฐฯ ออกมาฟาดแรงๆ บอกว่า

ห้ามโทษภาษี แล้วตีเนียนขึ้นราคา โดยเฉพาะล่าสุดกับกรณีของ Walmart 

ห้างค้าปลีกยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ ถึงขั้นสั่งให้กินภาษีเข้าไป 

และห้ามไปเก็บกับลูกค้า เพราะทรัมป์จับตาดูอยู่ !!

 

CNN รายงานเรื่องนี้ว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ 

กำลังส่งคำเตือนครั้งใหญ่ไปถึงเอกชน ธุรกิจต่างๆในสหรัฐอเมริกา

ว่าเขาพร้อมที่จะใช้อำนาจที่มีประจานบริษัทต่างๆ ที่บังอาจขึ้นราคาสินค้าเพียงเพราะภาษีศุลกากร


ความเคลื่อนไหวที่ร้อนแรงนี้เกิดขึ้น

หลังจากที่ วอลมาร์ต (Walmart) ซึ่งเป็นห้างค้าปลีกยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ

ได้ออกมาเปิดเผยว่า บริษัทจะต้องมีการขึ้นราคาสินค้าบางส่วน 

โดยอ้างว่ามาจากต้นทุนสูงขึ้นจากผลกระทบของสงครามการค้าโลก 

จอห์น เดวิด เรนีย์ CFO ของวอลมาร์ต ระบุระหว่างการรายงานผลประกอบการ เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม

บอกว่าจําเป็นต้องขึ้นราคาสินค้า โดยเฉพาะสินค้านำเข้า เช่น อิเล็กทรอนิกส์ ของเล่น 

เสื้อผ้า และอุปกรณ์กีฬา และลูกค้าจะเริ่มเห็นการขึ้นราคาแล้วนับตั้งแต่ปลายเดือนพฤษภาคมนี้เลย

หลังจากนั้นเดือนถัดไป ตั้งแต่มิถุนายนก็จะเป็นการเปลี่ยนแปลงของราคาที่ชัดเจนขึ้น 

พร้อมระบุด้วยว่า อัตราภาษีศุลกากรที่มีอยู่ตอนนี้ยังคงสูงเกินไป 

แม้ว่าจะมีข้อตกลงชั่วคราวระหว่างการเข้าสู่โต๊ะเจรจาของสหรัฐกับจีน

ซึ่งทำให้ช่วงเวลานี้มีการลดภาษีนำเข้าจากจีนเหลือ 30% 


หลังจากนั้นพูดออกไปแล้ว โซเชียลของผู้นำสหรัฐฯก็ร้อนเป็นไฟทันที 

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ได้ออกมาฟาดกลับอย่างรุนแรง

เขาโพสต์ลงบนแพลตฟอร์ม Truth Social 

เรียกร้องให้วอลมาร์ต ตัดสินใจใหม่ในเรื่องนี้ 


ทรัมป์กล่าวว่า “วอลมาร์ตควรหยุดโทษภาษีศุลกากรว่าเป็นเหตุผลในการขึ้นราคาสินค้าในเครือ “

ระหว่างวอลมาร์ตกับจีน พวกเขาควรจะแบกรับภาษีนำเข้า 

 “ EAT The Tariffs หรือ จงกินภาษีศุลกากรเข้าไปให้หมด ”

และต้องไม่เรียกเก็บเงินจากลูกค้าที่มีคุณค่าใดๆ ทั้งสิ้น 

โดยทรัมป์ขู่ว่าเขาและลูกค้าของวอลมาร์ตจะเฝ้าจับตาดูเรื่องนี้  


นอกจากนี้ทรัมป์ยังบอกอีกว่า “วอลมาร์ตทำรายได้หลายพันล้านดอลลาร์ในปีที่แล้ว 

ซึ่งมากกว่าที่คาดไว้มาก”  


ทั้งนี้ CNN ระบุว่า วอลมาร์ตเป็นผู้ค้าปลีกที่ใหญ่ที่สุดในอเมริกา และในปีที่แล้ว 

วอลมาร์ตก็ทำผลงานได้ดีเพราะลูกค้าเจอกับภาวะเงินเฟ้อ

จึงหันมาของเลือกซื้อถูกภายใต้แบรนด์ของบริษัทแทน  


แต่อย่างไรก็ตาม กำไรของวอลมาร์ทจำนวนมหาศาลมาจากขนาดที่ใหญ่โตของบริษัท 

มากกว่าราคาที่สูงเกินจริง เมื่อเทียบเป็นเปอร์เซ็นต์ของยอดขายแล้ว 

รายได้จากการดำเนินงานของวอลมาร์ทในไตรมาสที่แล้วอยู่ที่เพียง 4% กว่าเล็กน้อย 

ส่วนอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่น้อยกว่า 3% ซึ่งถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับมาตรฐานทางธุรกิจ


การออกมาขู่หรือเตือนด้วยความรุนแรงเช่นนี้ไม่ใช่ครั้งแรก

ไม่ใช่ครั้งที่ 2 แต่นี่คือครั้งที่ 3  นอกจากวอลมาร์ต 

ก่อนหน้านี้ก็ยังมี Amazon และบาร์บี้

ที่โดนฟาดออกสื่อแบบไม่ไว้หน้ามาแล้วเช่นกัน  


"คำเตือน" ครั้งที่ 3 จาก "ทรัมป์"


รัฐบาลสหรัฐฯ ได้ออกโรงเตือนและตำหนิธุรกิจขนาดใหญ่ของอเมริกาต่อสาธารณชน

หลายครั้งหลายครั้ง เพราะทนไม่ได้ที่มีการออกพูดถึงความเป็นไปได้

ว่าจะมีการขึ้นราคาสินค้าจากต้นทุนภาษีศุลกากรที่สูงขึ้นจากนโยบายทรัมป์


ย้อนกลับไปไม่นานมานี้ กรณีของ Amazon

เมื่อวันที่ 29 เมษายน หลังจากที่มีรายงานว่า Amazon  อีคอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่แห่งสหรัฐฯ

กำลังพิจารณาจะโชว์ตัวเลขค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมที่บวกมากับราคาบนแพลตฟอร์ม Haul ของ Amazzon

หลังจากนั้นก็กลายเป็นเรื่องเป็นราว

โฆษกทำเนียบขาว Karoline Leavitt ได้ถือรูปของ เจฟฟ์ เบซอส (Jeff Bezos) ประธาน Amazon ขึ้นแถลงข่าว 

และเรียก การเคลื่อนไหวดังกล่าวว่าเป็น " การกระทำที่ไม่เป็นมิตรและทางการเมือง " 

มีรายงานว่าประธานาธิบดีทรัมป์โกรธจัด ถึงขั้นยกหูโทรศัพท์ไปหา Bezos เพื่อร้องเรียน 

หลังจากนั้น Amazon ก็ออกมาชี้แจงทันทีว่าแผนดังกล่าวไม่ได้รับการอนุมัติในที่สุด และ “จะไม่เกิดขึ้น”เด็ดขาด

ทรัมป์กล่าวกับนักข่าวว่า "เจฟฟ์ เบซอส" เป็นคนดีมาก เขาแก้ปัญหาได้อย่างรวดเร็ว เขาทำสิ่งที่ถูกต้อง"

ทั้งนี้เว็บไซต์ Haul ของ Amazon ซึ่งเปิดตัวเมื่อเดือนพฤศจิกายน 

มีแนวโน้มถูกเรียกเก็บภาษีศุลกากรเป็นพิเศษ เนื่องจากต้องพึ่งพาสินค้าที่ส่งตรงจากจีน 

ซึ่งคล้ายกับเว็บไซต์ราคาประหยัดยอดนิยมอย่าง Temu 

โดยลูกค้าจะต้องใช้เวลานานขึ้นในการจัดส่งเพื่อแลกกับราคาที่ถูกกว่า

โดยปัจจุบันนี้ได้รับผลกระทบหนักจากการที่ประธานาธิบดีทรัมป์ได้ลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหาร

ปิดช่องโหว่ทางการค้าที่เรียกว่า "de minimis" 

ซึ่งเคยอนุญาตให้สินค้ามูลค่าต่ำจากจีนและฮ่องกงเข้าสู่สหรัฐฯ ได้โดยไม่ต้องเสียภาษีศุลกากร 

และล่าสุดถูกจัดเก็บที่ 54  % ค่าธรรมเนียม 100 ดอลลาร์ต่อพัสดุ  

ซึ่งในตอนแรกนั้นทรัมป์จะเรียกเก็บสูงถึง 120%  แต่มีการลดลงมาเพราะอยู่ในช่วงของการเจรจากับจีน 


ส่วนอีกหนึ่งกรณี คือ บาร์บี้ เรื่องของเล่นที่ทรัมป์ไม่เล่นด้วย  

เมื่้อวันที่ 6 พฤษภาคม ประธานาธิบดีทรัมป์ขู่ว่าจะขึ้นภาษี 100% กับ Mattel 

หลังจากที่ผู้ผลิตตุ๊กตาบาร์บี้และฮ็อตวีลส์ประกาศ ว่า จะต้องขึ้นราคาสินค้า

อีนอน ไครซ์ ( Ynon Kreiz ) ซีอีโอของ Mattel กล่าวว่า 

ภาษีของทรัมป์ไม่ช่วยผลักดันให้เกิดโรงงานของเล่นในอเมริกาได้อย่างแน่นอน  

เพราะปัจจัยด้านราคา เพราะของเล่นที่ผลิตในอเมริกาไม่สามารถขายได้ในราคาที่ไม่แพง

หรือพูดง่ายๆ ของเล่นที่ผลิตในสหรัฐฯ ราคาจะแพงขึ้น และจะทำให้ขายได้ยากขึ้น  


จากนั้นผู้นำก็ตอบโต้ทันทีจากห้องทำงานรูปไข่ ในทำเนียบข่าว โดยขู่บริษัทและซีอีโอ

บอกว่า ทางการจะเรียกเก็บภาษี 100% สำหรับของเล่นจาก Mattel 

และ Mattel จะไม่ขายของเล่นแม้แต่ชิ้นเดียวในสหรัฐฯ ซึ่งเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดของพวกเขา 

ทรัมป์กล่าวว่าไม่อยากให้ อีนอน ไครซ์ เป็นผู้บริหารนานเกินไป


ถึงจะขู่ ถึงจะเตือนแรงแค่ไหน แต่ดูเหมือนว่า

ทรัมป์ จะไม่อาจยับยั้งราคาสินค้าในประเทศของตนเองไว้ได้ทั้งหมด

อย่างแน่นอน โดยเฉพาะช่วงครึ่งปีหลังจากนี้

บรรดาร้านค้าต่างๆกำลังจับมือพาเหรดขึ้นราคาจากภาษีนำเข้า

ห้ามไม่ฟัง?  สินค้าต่างๆพาเหรดขึ้นราคาในครึ่งปีหลังนี้ 

 

"Nike" ไนกี้ เป็นอีกแบรนด์ล่าสุดที่ได้ประกาศขึ้นราคาสินค้าแล้ว

วันที่ 22 พฤษภาคม 2568 สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า บริษัท Nike เปิดเผยว่า 

บริษัทมีแผนจะปรับขึ้นราคาสินค้าบางรายการตั้งแต่สิ้นเดือนพฤษภาคมนี้ 

พร้อมประกาศว่าจะกลับมาวางจำหน่ายสินค้าผ่านแพลตฟอร์ม Amazon อีกครั้ง

หลังยุติความร่วมมือมาตั้งแต่ปี 2562

สำหรับสินค้าที่จะปรับขึ้นราคาครั้งนี้ ได้แก่ เสื้อผ้าและอุปกรณ์สำหรับผู้ใหญ่ 

โดยจะเพิ่มราคาขึ้นระหว่าง 2 – 10 ดอลลาร์ 

ขณะที่สินค้าในช่วงราคาประมาณ 100 – 150 ดอลลาร์ จะปรับเพิ่มขึ้น 5 ดอลลาร์


Nikeเปิดเผยว่าบริษัทจัดหาสินค้า โดยเฉพาะรองเท้าจากประเทศจีนและเวียดนามเป็นหลัก

ซึ่งราคาสินค้าสำหรับเด็กจะไม่ถูกปรับขึ้น เนื่องจากใกล้เข้าสู่ฤดูกาลจับจ่ายช่วงเปิดเทอม

Nikeระบุในแถลงการณ์ว่า “เราประเมินธุรกิจของเราเป็นประจำ 

และมีการปรับราคาเป็นส่วนหนึ่งของแผนการวางจำหน่ายตามฤดูกาล”


ก่อนหน้านี้ "Puma" พูมา แบรนด์กีฬาจากเยอรมนี 

ระบุว่าได้ลดการส่งสินค้าออกจากจีนมายังสหรัฐ 

และกำลังพิจารณาขึ้นราคาสินค้าในประเทศ เนื่องจากผลกระทบจากภาษีนำเข้า

เพราะในมุมของภาคธุรกิจที่ยังต้องพึ่งพาห่วงโซอุปทานซึ่งมาจากทั่วโลกยังต้องรับแรงกระแทกในครั้งนี้


ซีอีโอของวอลมาร์ต "ดั๊ก แมคมิลลอน"  ซึ่งออกมาตอบโต้ทรัมป์

ได้กล่าวว่า วอลมาร์ทจะรับภาระค่าใช้จ่ายบางส่วน แต่ไม่ใช่ทั้งหมด ของภาษีศุลกากร 

เพื่อรักษาอัตรากำไรที่น้อยนิดให้คงที่ บริษัทจึงจะต้องแบ่งภาระส่วนนี้ให้ลูกค้า

พร้อมบอกว่า “เราจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อรักษาราคาให้ต่ำที่สุดเท่าที่จะทำได้ 

แต่เมื่อพิจารณาจากปริมาณภาษีที่สูงมาก แม้จะปรับลดระดับลงตามที่ประกาศในสัปดาห์นี้ 

เราก็ไม่สามารถรับแรงกดดันทั้งหมดได้ เนื่องจากอัตรากำไรจากการขายปลีกที่ลดลง

แม้ว่าธุรกิจอเมริกันเองต่างก็ไม่อยากเผชิญหน้ากับแรงกดดันของทรัมป์

หลายบริษัทยังไม่ประกาศขึ้นราคา แต่ในระยะยาวหลายฝ่ายเชื่อว่าคงหนีไม่พ้น 

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง