รีเซต

ตะลึง! เปิดผลวิจัย พบชาวกรุงจาการ์ตา ติดโควิดเกือบครึ่งเมือง

ตะลึง! เปิดผลวิจัย พบชาวกรุงจาการ์ตา ติดโควิดเกือบครึ่งเมือง
TNN ช่อง16
15 กรกฎาคม 2564 ( 14:17 )
77
ตะลึง! เปิดผลวิจัย พบชาวกรุงจาการ์ตา ติดโควิดเกือบครึ่งเมือง

วันนี้ ( 15 ก.ค. 64 )จากข้อมูลการสำรวจด้านสาธารณสุข ที่ทำร่วมกันระหว่างสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดจาการ์ตาคณะสาธารณสุขของมหาวิทยาลัยอินโดนีเซียสถาบันชีววิทยาโมเลกุล ไอจ์คแมน (Eijkman Instutute for Molecular Biology) และเจ้าหน้าที่จากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐอเมริกา หรือ CDC ในอินโดนีเซีย พบว่า ประชาชนในกรุงจาการ์ตาเกือบครึ่งหนึ่ง อาจติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งสูงกว่า 10 เท่าของจำนวนผู้ติดเชื้อในเมืองหลวงอินโดนีเซีย ที่ทางการเปิดเผยอย่างเป็นทางการ ในช่วงเวลาที่ทำการวิจัย

ผลการสำรวจ ซึ่งเผยแพร่เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคมที่ผ่านมา ตรวจหาแอนติบอดีโคโรนาไวรัสในเลือดของประชาชนประมาณ 5,000 คน ทั่วเมืองจากวันที่ 15-31 มีนาคม ผลตรวจพบว่า 44.5% ของตัวอย่าง มีแอนติบอดี ซึ่งแสดงให้เห็นว่า พวกเขาติดเชื้อไวรัสโควิด-19

สถิติของรัฐบาล ระบุว่า กรุงจาการ์ตา มีประชากรประมาณ 10.6 ล้านคน และจากการวิจัยพบว่า มีประชาชนกว่า 4.7 ล้านคนติดเชื้อโควิดในเมืองหลวงจนถึงวันที่ 31 มีนาคม 

สำนักข่าวอันทารา ของทางการอินโดนีเซีย รายงานว่า วิดยัสตูตี ผู้อำนวยการสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดจาการ์ตา แถลงข่าวผ่านออนไลน์เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม ว่า จากการสำรวจครั้งนี้ เราสามารถประเมินสัดส่วนของประชาชนในกรุงจาการ์ตา ที่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้ ไม่ว่าจะตรวจพบด้วยวิธี พีซีอาร์ (PCR) หรือไม่ก็ตาม

จากข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุขอินโดนีเซีย ระบุว่า กรุงจากาณ์ตามีผู้ติดเชื้อไวรัสโควิดมากกว่า 382,000 รายจนถึงวันที่ 31 มีนาคม ซึ่งเป็นวันสิ้นสุดการสำรวจ โดยเมื่อถึงวันอังคารที่ผ่านมา จำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเป็น 689,243 ราย ตัวเลขผู้ติดเชื้อในกรุงจาการ์ตาที่เพิ่มสูงขึ้นนี้ เกิดขึ้นขณะที่ อินโดนีเซีย ประเทศที่มีประชากรมากที่สุดเป็นอันดับ 4 ของโลก อยู่ในช่วงการต่อสู้กับการระบาดรุนแรงของไวรัส ซึ่งมีผู้ติดเชื้อรายใหม่ทั่วประเทศหลายหมื่นรายและเสียชีวิตกว่า 1,000 รายต่อวัน ถือเป็นหนึ่งประเทศที่ไวรัสระบาดหนักที่สุดในเอเชีย

โรงพยาบาลทั่วประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบนเกาะชวา ซึ่งเป็นที่ตั้งของกรุงจาการ์ตา รองรับผู้ติดเชื้อโควิดสายพันธุ์เดลตาใกล้เต็มศักยภาพแล้ว ทำให้หลายเมือง รวมทั้งกรุงจาการ์ตา บังคับใช้มาตรกาล็อกดาวน์บางส่วน นายแพทย์ปันดู เรียวโน นักระบาดวิทยาจากคณะสาธารณสุขมหาวิทยาลัยอินโดนีเซีย กล่าวว่า ผลการสำรวจพบว่า ประชาชนบางคนมีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อโควิดสูงกว่าคนอื่น  โดยประชาชนในพื้นที่ที่มีประชากรหนาแน่น มีแนวโน้มติดเชื้อโควิดมากขึ้น ดัชนีมวลกาย (Body Mass Index) หรือ BMI ซึ่งใช้เป็นมาตรฐานในการประเมินภาวะอ้วนหรือผอมในผู้ใหญ่ตั้งแต่อายุ 20 ปีขึ้นไป พบว่ามีโอกาสติดเชื้อมากขึ้นในกรณีที่คนเหล่านี้มีน้ำหนักตัวมาก และเป็นโรคอ้วน เช่นเดียวกับผู้ที่มีระดับน้ำตาลในเลือดสูง ก็มีความเสี่ยงมากด้วย

รายงานยังพบอีกว่า จำนวนแอนติบอดีสูงที่สุด อยู่ในกลุ่มคนที่มีอายุ 30-49 ปี และว่า อัตราผู้ติดเชื้อสูงขึ้นในเพศหญิง ผลการสำรวจยังสอดคล้องกับความหวาดกลัวของบรรดาผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขว่า วิกฤตไวรัสโควิด-19 ในอินโดนีเซียนั้น อาจรุนแรงมากกว่าตัวเลขที่ทางการเปิดเผย ซึ่งในช่วงแรก อินโดนีเซียตรวจหาเชื้อและติดตามกลุ่มเสี่ยงล่าช้า บูดี กูนาดี ซาดีคิน รัฐมนตรีสาธารณสุขอินโดนีเซีย กล่าวกับซีเอ็นเอ็น ก่อนหน้านี้ว่า ตอนแรก เจ้าหน้าที่ไม่ได้ตระหนักว่า ไวรัสกำลังระบาดอย่างรวดเร็วในคลื่นการระบาดระลอกล่าสุดนี้

บรรดานักวิทยาศาสตร์บอกว่า ดูเหมือนว่าประชาชนที่หายจากการติดเชื้อไวรัสโควิด มีภูมิคุ้มกันบ้างแล้ว แต่ยังไม่มีความชัดเจนว่า ภูมิคุ้มกันจะแข็งแรง หรืออยู่ได้นานขนาดไหน การสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ เป็นความคิดที่เชื่อว่า โรคจะหยุดการระบาดได้เมื่อประชาชนมีภูมิคุ้มกันเพียงพอ 

นักวิจัยกล่าวว่า ในเมืองเปิดอย่างกรุงจาการ์ตา ซึ่งมีการเคลื่อนย้ายเข้า-ออกสูง เป็นเรื่องยากที่จะสร้างภูมิคุ้มกันหมู่สำเร็จ เพราะฉะนั้น จาการ์ตาควรจะพุ่งเป้าไปที่การฉีดวัคซีนให้ประชาชนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันไวรัสแทนจะดีกว่า

ทั้งนี้ อินโดนีเซีย ฉีดวัคซีนให้ประชาชนได้เพียง 5.5% เท่านั้น เฉพาะในกรุงจาการ์ตา มีประชาชนมากกว่า 1.95 ล้านคน หรือประมาณ 18% ของประชากรในเมือง ฉีดวัคซีนครบแล้ว จากข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุข 

อินโดนีเซียใช้วัคซีนซิโนแวค (Sinovac) ของจีนเป็นส่วนใหญ่ในการฉีดให้ประชาชนทั่วประเทศ ซึ่งเริ่มมาตั้งแต่เดือนมกราคม แต่ความวิตกกังวลเพิ่มมากขึ้นในช่วงไม่กี่สัปดาห์มานี้ เกี่ยวกับประสิทธิภาพของวัคซีนจีนในการป้องกันไวรัสกลายพันธุ์สายพันธุ์ที่ติดต่อกันง่ายขึ้น หลังมีบุคลากรทางการแพทย์หลายร้อยคน ติดเชื้อไวรัสซ้ำแม้ได้รับวัคซีนครบแล้ว ซึ่งหลายสิบคนยังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล


ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง