'สมยศ'ยันยึดตามมติเตะเดือนกันยายน ถ้าจะเร่งเร็วขึ้นต้องขอมติจากสโมสรก่อน

จากที่สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ทำหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และประธานกรรมการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) เรื่องขออนุมัติจัดการแข่งขันฟุตบอลลีกอาชีพ พร้อมเสนอแนวทางการจัดการแข่งขันแบบปิด ไม่ให้แฟนบอล และบุคคลไม่เกี่ยวข้องเข้าชมในสนาม

“บิ๊กอ๊อด” พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ เปิดเผยว่า การทำหนังสือดังกล่าว เป็นการทำตามหน้าที่ และบทบาทของสมาคมฯ เช่นเดียวกับ บริษัท ห้างร้าน ต่างๆ ที่เสนอแผนไป หากจะเปิดทำการอีกครั้ง ทั้งนี้ สมาคมลูกหนัง ต้องการแสดงให้รัฐบาลเห็นว่า สมาคมฯ และ บริษัท ไทยลีก จำกัด พร้อมที่จะจัดแข่งขันในแบบปิด พร้อมเสนอมาตรการต่างๆ ซึ่งเชื่อว่าจะป้องกันการแพร่ระบาด ในการจัดแข่งแบบปิดได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องขึ้นอยู่กับนโยบายของรัฐบาล ตามสถานการณ์โควิด-19 ว่าจะมีการผ่อนปรนในระดับไหน

“เราเสนอไปตามหน้าที่ของสมาคมฯ ต้องแจ้งให้รัฐบาลทราบก่อนว่า เรามีแผนการจัดแข่งขัน แต่ก็ต้องเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล เพราะหากจะกลับมาจัด อันดับแรกคือต้องรู้ว่า รัฐบาลจะให้เตะหรือไม่ สมมติถ้าสถานการณ์ดีขึ้นในเดือนพฤษภาคม รัฐบาลจะประกาศว่า จะมีอะไรที่ผ่อนปรนบ้าง ตั้งแต่เดือนมิถุนายน เป็นต้นไป และจะอนุญาตให้ฟุตบอลแข่งหรือไม่”

ขณะที่จากกำหนดการเดิม ที่มีการประชุมระหว่างสมาคมฯ, ไทยลีก และสโมสรในไทยลีก 1-2 เมื่อวันที่ 14 เมษายน มีข้อสรุปว่า การแข่งขันจะกลับฟาดแข้งอีกครั้ง ในเดือนกันยายน และจะเตะยาวถึงเดือนพฤษภาคมปีหน้า เป็นการเปลี่ยนปฏิทินแข่งขันไปในตัว

แต่ก็ได้มีกระแสออกมาล่าสุดจาก นายชูชัย เลิศพงศ์อดิศร ประธานสโมสร “ช้างเผือก” เชียงใหม่ ยูไนเต็ด ทีมในศึกไทยลีก 2 ที่เสนอว่าถ้าหากสถานการณ์ดีขึ้น ควรกลับมาเตะเร็วขึ้น 1 เดือน เริ่มเตะในเดือนสิงหาคม และไปจบเดือนเมษายนปีหน้านั้น

ประมุขลูกหนังไทย กล่าวว่า ในหนังสือที่เสนอรัฐบาลไป หลักใหญ่ๆ คือ ไทยลีกพร้อมจะกลับมาเล่นแบบปิด หากได้รับอนุญาตและเป็นไปตามมาตรการ พร้อมระบุว่า กำหนดการที่จะกลับมาแข่งอีกครั้งคือเดือนกันยายน ไม่ได้หมายถึงจะเตะเร็วกว่านั้น

ส่วนความเป็นไปได้ที่จะกลับมาแข่งเร็วขึ้นนั้น ต้องบอกว่ากำหนดการที่จะเตะเดือนกันยายน คือมติในที่ประชุมไทยลีก 1-2 ถือว่าเป็นข้อปฏิบัติไปแล้ว วันนี้ยังยึดแนวทางกลับมาเตะเดือนกันยายนส่วนกรณีที่หากสถานการณ์ดีขึ้นเร็วกว่าที่คาด และรัฐบาลอนุญาตแล้ว หากจะเปลี่ยนให้เร็วขึ้น ก็ต้องเชิญสโมสรมาประชุมเป็นมติออกมา ต้องรับฟังทุกฝ่าย ว่าจะปรับได้หรือไม่ เพราะสโมสรก็มีแผนการไปแล้ว นอกจากนี้ ก่อนเริ่มแข่ง ก็ต้องเผื่อเวลาให้สโมสรซ้อมล่วงหน้า 6 สัปดาห์ด้วย ดังนั้น ณ ตอนนี้ยังยึดถือแนวทางเดิมคือ กลับมาเตะ เดือนกันยายน