ย้อนเหตุการณ์วิกฤต "ยูเครน" ทำไมรัสเซียกับยูเครนจึงทำสงครามกัน?
นับเป็นประเด็นที่สร้างความกังวลให้กับทั้งโลก คงหนีไม่พ้นเรื่องของ “ความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครน” เพราะหากเกิดการปะทะกันด้วยอาวุธ นั่นหมายความว่าความขัดแย้งนี้ถูกยกระดับไปเป็น “สงคราม” ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อทั้งโลกไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ความขัดแย้งอันรุนแรงของ 2 ชาติเพื่อนบ้าน อาจกลายเป็นชนวนเหตุสำคัญที่กลายเป็นสงครามโลก จุดเริ่มต้นคืออะไร ทำไมรัสเซียกับยูเครนกำลังจะทำสงครามกัน TrueID จะย้อนเวลาไปหาจุดเริ่มต้นของสถานการณ์นี้กัน
เกาะติดสถานการณ์ 'รัสเชีย-ยูเครน'
เปิดประวัติคนสำคัญ ไบเดน-ปูติน-ยานูโควิช-เซเลนสกี ในศึกสงคราม "รัสเซีย-ยูเครน"
- หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยในปี 1949 อิทธิพลของรัสเซีย (สหภาพโซเวียตในขณะนั้น) เริ่มคุกคามมายังภูมิภาคยุโรป ดังนั้น 12 ชาติตะวันตก คือ เบลเยียม แคนาดา เดนมาร์ก ฝรั่งเศส ไอซ์แลนด์ อิตาลี ลักเซมเบิร์ก เนเธอร์แลนด์ นอร์เวย์ โปรตุเกส สหราชอาณาจักร และสหรัฐฯ จึงร่วมกันก่อตั้ง “นาโต (NATO)” หรือองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ ซึ่งเป็นกลุ่มพันธมิตรด้านการทหาร ให้ประเทศสมาชิกให้ความช่วยเหลือซึ่งกันและกันกรณีที่สมาชิกถูกโจมตีด้วยอาวุธ ทางฝั่งโซเวียต ก็ได้ก่อตั้ง องค์การสนธิสัญญาวอร์ซอว์ (Warsaw Pact) ขึ้นมาในปี 1955 เพื่อตอบโต้นาโต เป็นพันธมิตรทางทหารในหมู่ชาติคอมมิวนิสต์ในยุโรปตะวันออก
Warsaw-Pact and NATO military alliances
- ในปี 1991 เมื่อสหภาพโซเวียตล่มสลาย แต่ละประเทศแยกกันไปมีเอกราชของตัวเอง และยูเครนเองก็เป็นหนึ่งในนั้น อย่างไรก็ตาม โรงงานจัดเก็บอาวุธนิวเคลียร์ของโซเวียตตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ประเทศยูเครน แปลว่า หัวรบนิวเคลียร์ทั้งหมด 1,249 หัว จึงตกเป็นกรรมสิทธิ์ของยูเครนไปโดยปริยาย
- ยูเครนเคยเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซียมาก่อน แต่ในปี 1917 เมื่อราชวงศ์โรมานอฟหมดอำนาจ กลุ่มชาตินิยมยูเครนจึงขอแยกตัวออกไปเป็นประเทศ โดยมีเยอรมนีหนุนหลัง แต่พอเยอรมนีแพ้สงครามโลกครั้งที่ 1 พร้อมทั้งมีการก่อตั้งสหภาพโซเวียต ยูเครนจึงถูกรวมอยู่ในโซเวียต และสถาปนาเป็น สาธารณรัฐสังคมนิยมโซเวียตยูเครน
- ในปี 1992 ยูเครนเริ่มสร้างความสัมพันธ์กับนาโตอย่างเป็นทางการแม้ว่าจะยังไม่ได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกก็ตาม โดยเลขาธิการของนาโตเดินทางมาเยือนเมืองหลวงเคียฟ ส่วนประธานาธิบดีคนแรกของยูเครน เลโอนิด คราฟชุก ก็เดินทางไปเยี่ยมชมสำนักงานใหญ่ของนาโตในกรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม เช่นกัน
- ในปี 1994 ยูเครนได้เซ็นสนธิสัญญาในชื่อ "ข้อตกลงบูดาเปสต์" ร่วมกับรัสเซีย สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา โดยยูเครนได้ตัดสินใจทำลายคลังแสงอาวุธนิวเคลียร์ทั้งหมด เพื่อแลกกับการที่มหาอำนาจทั้งสามจะรับประกันความปลอดภัยให้ ไม่มีการคุกคามหรือใช้กำลังกับยูเครน
- ในปี 2013 สหภาพยุโรป หรือ EU ได้เสนอเงื่อนไขยูเครนเข้าร่วมเป็นหนึ่งในสมาชิก ซึ่งถือเป็นจุดทดสอบว่ายูเครนจะเข้าร่วมฝั่งตะวันตก หรือ จะกลับเข้าสู่อ้อมอกรัสเซียอีกครั้ง ซึ่งหากยูเครนตอบตกลง ประชาชนจะสามารถไปทำงานทั่วยุโรปได้อย่างอิสระ สินค้าสามารถวางขายในประเทศอื่น ๆ สหภาพยุโรปได้โดยไม่โดนกำแพงภาษี ทำให้เศรษฐกิจเติบโตอย่างรวดเร็ว แต่ขณะนั้น ยูเครนอยู่ภายใต้การของ "ประธานาธิบดี วิกเตอร์ ยานูโควิช" ที่เชื่อกันว่าเขาได้รับการสนับสนุนจากรัสเซีย ประธานาธิบดียานูโควิชได้ตัดสินใจล้มข้อเสนอของ EU แล้วไปลงนามกับรัสเซีย พร้อมทั้งรับเงินสนับสนุน 15,000 ล้านดอลลาร์จากรัสเซีย
อดีตประธานาธิบดี วิกเตอร์ ยานูโควิช
ประชาชนยูเครนรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก มองว่าคล้ายกับเป็นการขายประเทศ จนนำไปสู่การประท้วงทั่วประเทศ ในชื่อ "การปฏิวัติ Euromaidan" เรียกร้องให้ประธานาธิบดียานูโควิชลาออก ซึ่งการต่อสู้เป็นไปอย่างดุเดือด จนรัฐบาลสั่งใช้กำลังสลายการชุมนุม
เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้รัฐสภายูเครนลงมติมีแผนถอดถอนประธานาธิบดียานูโควิชในวันที่ 22 ก.พ. 2014 และตั้งรัฐบาลรักษาการชั่วคราว พร้อมตั้งข้อหายานูโควิชในข้อหาสังหารหมู่ผู้ประท้วงและออกหมายจับ แต่ก่อนจะถูกถอดถอนอย่างเป็นทางการ ยานูโควิชก็ได้ตัดสินใจหลบหนีไปยังรัสเซีย
- ทางด้านรัสเซีย เมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นในยูเครน ก็ออกมาประณามว่า การเปลี่ยนแปลงรัฐบาลยูเครน ถอดถอนยานูโควิช เป็นการรัฐประหารที่ผิดกฎหมาย และส่งทหารรัสเซียติดอาวุธมายังบริเวณคาบสมุทรไครเมียเกือบจะในทันที โดยไครเมียเป็นคาบสมุทร (Peninsula) ที่อยู่ในทะเลแบล็คซี มีเขตแดนติดกับยูเครนและมีชนส่วนใหญ่เป็นรัสเซีย เพราะในประวัติศาสตร์ไครเมียเคยเป็นดินแดนของรัสเซียมาก่อน แต่ในปี 1954 ผู้นำของสหภาพโซเวียตตัดสินใจมอบไครเมียให้ยูเครน เพื่อเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างยูเครนและรัสเซีย
- ในเดือน มี.ค. 2014 ด้วยแรงกดดันจากกองทหารรัสเซียที่เข้าประชิดและควบคุมคาบสมุทร รัฐสภาไครเมียจึงมีมติให้แยกตัวจากยูเครนและเข้าร่วมกับรัสเซีย ทำให้รัสเซียผนวกไครเมียเข้าเป็นส่วนหนึ่งของประเทศได้สำเร็จ นับเป็นครั้งเดียวที่พรมแดนของประเทศในยุโรปมีการเปลี่ยนแปลงโดยกองกำลังทหารตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2
- และแม้จะได้ไครเมียมาแล้ว รัสเซียก็ยังคงส่งกองกำลังรัสเซียประมาณ 40,000 นายมาอยู่ที่ชายแดนตะวันออกของยูเครน และเกิดการปะทะกันตามแนวชายแดนจนถึงปัจจุบัน บางครั้งกองกำลังแบ่งแยกดินแดนที่มีรัสเซียหนุนหลังก็ได้บุกโจมตีอาคารรัฐในเมืองต่าง ๆ ทางตะวันออกของยูเครน โดยรัสเซียปฏิเสธมาโดยตลอดว่า กองกำลังของตนไม่เคยข้ามฝั่งไปยังยูเครน
- รัฐบาลยูเครนไม่ยอมรับการผนวกไครเมียร่วมกับรัสเซีย โดยประกาศว่าไครเมียเป็นดินแดนของยูเครนที่ถูกรัสเซียยึดไว้ชั่วคราว เช่นเดียวกับสหประชาชาติ ซึ่งมีมติไม่ยอมรับและประณามการผนวกรวมไครเมียเข้ากับรัสเซียว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย
- นอกจากไครเมียแล้ว ยูเครนยังต้องเผชิญการสู้รบกับกลุ่มแบ่งแยกดินแดนที่สนับสนุนรัสเซียในภูมิภาคดอนบาส (Donbas) ทางตะวันออกของประเทศ โดยรัสเซียส่งกำลังพลบุกเขตดอนบาสอย่างหนัก
ต่อมา ในเดือนก.ย. 2014 ตัวแทนจากรัสเซีย ยูเครน ฝรั่งเศส และเยอรมนี ร่วมประชุมกันที่เบลารุส เพื่อเจรจายุติความรุนแรงในภาคตะวันออกของยูเครน นำไปสู่ "ข้อตกลงมินสก์ฉบับที่ 1 (Minsk I Agreement)" ซึ่งเป็นข้อตกลงระหว่างยูเครนและรัสเซียในการยุติความรุนแรง โดยตกลงหยุดการยิงอาวุธ แต่รัสเซียก็ยังมีการละเมิดข้อตกลงนี้หลายครั้ง
ข้อตกลงมินสก์ฉบับที่ 1 (Minsk I Agreement)
สุดท้ายทางฝรั่งเศสกับเยอรมนีต้องเข้ามาเป็นคนกลาง ทำให้ต้องมีการลงนามข้อตกลงมินสก์ฉบับที่ 2 (Minsk II Agreement) แม้สงครามใหญ่จะยุติลง แต่ก็ยังมีการสู้รบประปรายต่อเนื่องอยู่ดี โดยตั้งแต่ปี 2014 จนถึงปัจจุบัน เหตุปะทะชายแดนรัสเซีย-ยูเครนส่งผลให้มีพลเรือนเสียชีวิตมากกว่า 10,000 คน บาดเจ็บอีกหลายหมื่นคนและมีผู้พลัดถิ่นมากกว่า 1 ล้านคน
- ในปี 2019 เกิดความเปลี่ยนแปลงสำคัญ เมื่อ "โวโลดิมีร์ เซเลนสกี" ถูกเลือกเป็นประธานาธิบดีคนใหม่ของยูเครน เขาแสดงจุดยืนอย่างชัดเจนว่า "ต่อต้านการรุกคืบของรัสเซียในภาคตะวันออกของประเทศ รวมถึงมีแผนการที่จะพายูเครน เข้าเป็นสมาชิกใหม่ของนาโต"
โวโลดิมีร์ เซเลนสกี
- โดยทางวลาดีมีร์ ปูติน ประธานาธิบดีของรัสเซีย ได้ออกมากล่าวว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมา รัสเซียพยายามเจรจาให้โลกตะวันตกเข้าใจมาตลอดว่า สิ่งที่รัสเซียต้องการคือ นาโตปฏิเสธไม่รับยูเครน, นาโตถอดกองทัพออกจากโปแลนด์ โรมาเนีย และบัลกาเรีย และยูเครนต้องยอมรับอาณาเขตดอนบาสและไครเมียเป็นของรัสเซียแล้ว
- โดยทางวลาดีมีร์ ปูติน ประธานาธิบดีของรัสเซีย ได้ออกมากล่าวว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมา รัสเซียพยายามเจรจาให้โลกตะวันตกเข้าใจมาตลอดว่า สิ่งที่รัสเซียต้องการคือ นาโตปฏิเสธไม่รับยูเครน, นาโตถอดกองทัพออกจากโปแลนด์ โรมาเนีย และบัลกาเรีย และยูเครนต้องยอมรับอาณาเขตดอนบาสและไครเมียเป็นของรัสเซียแล้ว
- สถานการณ์ขัดแย้งเริ่มบานปลาย เมื่อรัสเซียส่งทหารราว 130,000 นายไปประชิดพรมแดนยูเครนโดยใช้ข้ออ้างว่าเป็นการซ้อมรบทางทหาร หลายฝ่ายกังวลว่าจะเกิดสงครามขึ้นมาจริง ๆ ส่งผลให้ชาติตะวันตกจำนวนมากไม่พอใจการกระทำของรัสเซีย มองว่าคือยูเครนเป็นประเทศอิสระ หากอยากจะร่วมกับนาโตหรือไม่ ก็เป็นอธิปไตยของชาตินั้น
- ด้านประธานาธิบดีปูตินออกข้อเรียกร้องให้นาโตมีคำสั่งไม่อนุญาตให้ยูเครนเป็นสมาชิกโดยถาวร และต้องถอนกำลังที่ประจำการอยู่ในประเทศที่เข้าร่วมนาโตหลังปี 1997 ทั้งหมด
- สถานการณ์รุนแรงเพิ่มยิ่งขึ้น เมื่อทางประธานาธิบดีปูตินได้ลงนามในกฤษฎีการับรองสถานะของลูฮันสก์และโดเนตสก์ที่ประกาศแยกตัวเป็นเอกราช เตรียมยก 2 จังหวัดนี้เป็นประเทศ พร้อมทั้งสั่งให้กองทหารรัสเซียบุกเข้าไปในเขตจังหวัดโดเนตส์และลูฮันส์ โดยให้เหตุผลว่าเพื่อเข้าไปป้องกันสันติภาพจากการรุกรานของยูเครน
- ด้านยูเครนรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก เพราะโดเนตส์และลูฮันส์ถือเป็นส่วนหนึ่งของยูเครน การที่รัสเซียทำแบบนี้ราวกับเป็นการบุกรุกดินแดน ส่งผลให้สถานการณ์ระหว่างรัสเซียและยูเครนยิ่งเป็นที่น่าจับตา
- อย่างไรก็ตาม โอกาสที่ความขัดแย้งยูเครน-รัสเซียจะดำเนินไปยังจุดที่เลวร้ายที่สุด นั่นคือ “สงคราม” ก็ยังคงมีอยู่ โดยขณะนี้รัสเซียมีกองกำลังล้อมยูเครนอยู่ 3 ด้าน คือด้านตะวันออกที่มีการปะทะกับยูเครนมานานหลายปี ด้านใต้ที่ใช้พื้นที่ของไครเมียที่ผนวกรวมมาได้ และด้านเหนือซึ่งรวมกำลังกับเบลารุส
- ขณะที่ทางฝั่งสหรัฐฯ เอง ประธานาธิบดีไบเดนสั่งเคลื่อนทหารสหรัฐ ไปยังโรมาเนีย และโปแลนด์ ซึ่งมีพรมแดนติดกับยูเครน เป็นกำลังสนับสนุน
- สถานการณ์ในตอนนี้กำลังอยู่ในจุดตึงเครียดถึงขีดสุดและอาจมีสงครามได้ทุกเมื่อ ฝั่งรัสเซียอาจโจมตียูเครน โดยใช้เหตุผลว่าป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นกับ 2 รัฐใหม่ที่พวกเขารับรอง ขณะที่ฝั่งยูเครนเมื่อโดนแทรกแซงอำนาจอธิปไตยของตัวเอง แล้วความอดทนสิ้นสุดลง ก็อาจตอบโต้ด้วยความรุนแรงได้เช่นกัน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
รู้จักยูเครน Ukraine แดนวัฒนธรรมยุโรปตะวันออก อารยธรรมชาวสลาฟ
ข้อมูล : ข่าวสด
ภาพ : AFP