IVL 'กสิกรไทย' หั่นกำไร-เป้าหมาย ,ประเมิน 2H66 จะดีขึ้น HoH

บล.กสิกรไทย ส่องหุ้น IVL คงคำแนะนำ “ซื้อ” แต่ลดราคาเป้าหมายกลางปี 2567 เป็น 37.30 บาท จากผลตอบแทนรวม (TSR) ที่ 12% และกำไรที่คาดว่าจะปรับดีขึ้นในครึ่งหลังของปีนี้ และปี 2567 จึงคงคำแนะนำ “ซื้อ” IVL โดยฝ่ายวิจัยเชื่อว่ากำไรปกติรายไตรมาสได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในไตรมาส 1/2566 และจะค่อยๆ ปรับดีขึ้นในอนาคต แม้ว่าระดับกำไรคาดว่าจะฟื้นตัวน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ก็ตาม
นอกจากนี้ ยังเชื่อว่าอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อเงินทุน (net D/E ratio) ของ IVL จะลดลงต่ำกว่า 1 เท่า ภายในต้นปี 2567 ซึ่งจะสนับสนุนการเกิดวัฏจักรการลงทุนใหม่ในปี 2567 โดยเฉพาะจากกลุ่มธุรกิจ IOD
ทั้งนี้ ราคาเป้าหมายกลางปี 2567 ใหม่ของฝ่ายวิจัยลดลง 4% จาก 38.70 บาท เป็น 37.30 บาท โดยคิดจาก adjusted PBV ที่ -1.64SD ดีขึ้นเล็กน้อยจาก -1.75SD เพื่อสะท้อน upside จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีนและภาษีตอบโต้การทุ่มตลาดที่อาจเกิดขึ้นในยุโรปและเม็กซิโก
ประเมินกำไรปกติไตรมาส 2/2566 จะดีขึ้น แต่ยังอ่อนแอ ฝ่ายวิจัยคาดว่ากำไรสุทธิไตรมาส 2/2566 ของ IVL จะอยู่ที่ 185 ลบ. (กำไรต่อหุ้น: 0.03 บาท) ลดลง 99% YoY และ 82% QoQ เนื่องจาก core EBITDA/ตัน ที่ทรงตัวอยู่ในระดับต่ำที่ 96 ดอลลาร์สหรัฐฯ ผลขาดทุนจากสต็อกน้ำมันที่ 1.3 พันลบ. และการไม่มีสิทธิประโยชน์ทางภาษีพิเศษ (สิทธิประโยชน์ทางภาษีในไตรมาส 1/2566 ที่ 18 ล้านดอลลาร์ฯ) อย่างไรก็ตาม กำไรปกติคาดว่าจะอยู่ที่ 1.5 พันลบ. เพิ่มขึ้น 4% QoQ จากปริมาณขายที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อยที่ 3% QoQ และจากประมาณการดังกล่าว กำไรในครึ่งแรกของปี 2566 อยู่ที่ 1.2 พันลบ. ลดลง 96% YoY คิดเป็น 14% ของประมาณการกำไรทั้งปีใหม่ของฝ่ายวิจัย
ผลจากการระบายสต็อกยังไม่สิ้นสุด ผู้บริหารระบุว่า EBITDA/ตัน ในไตรมาส 2/2566 อยู่ที่ 96 ดอลลาร์ฯ ทรงตัว QoQ แต่ลดลง 55% YoY และยังคงถูกกดดันจากกระบวนการระบายสต็อกอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในผลิตภัณฑ์ขั้นปลายน้ำภายใต้กลุ่มธุรกิจ IOD และธุรกิจไฟเบอร์ ขณะเดียวกัน ผู้บริหารมองว่าอุปสงค์ของผลิตภัณฑ์ PET/PTA จะปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อยจากปัจจัยตามฤดูกาล ดังนั้นปริมาณการขายโดยรวมจึงดีขึ้นเล็กน้อยที่ 3% QoQ (แต่ลดลง 7% YoY) เป็น 3.6 ล้านตัน ทั้งนี้ จากราคาน้ำมันที่ลดลงในไตรมาส 2/2566 IVL น่าจะบันทึกขาดทุนจากสต็อกน้ำมันจำนวน 1.3 พันลบ. เพิ่มขึ้น 29% QoQ และพลิกกลับรายการจากมีกำไรจากสต็อกน้ำมันที่ 5.1 พันลบ.ในไตรมาส 2/2565
คาดกำไรในครึ่งหลังของปี 2566 จะปรับดีขึ้น HoH หากมองไปยังครึ่งหลังของปีนี้ ฝ่ายวิจัยคาดว่ากำไรสุทธิของ IVL จะเพิ่มขึ้น HoH จากผลกระทบของการระบายสต็อกที่ลดลง อุปสงค์อยู่ในระดับสูงสุดในช่วงฤดูร้อน และการเริ่มใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด (anti-dumping duty) ในสหภาพยุโรปและเม็กซิโกจะช่วยเพิ่มปริมาณการขายและ core EBITDA/ตัน หากอิงตามแนวทางธุรกิจล่าสุดของผู้บริหาร ปริมาณการขายในครึ่งหลังของปี 2566 ของ IVL น่าจะปรับดีขึ้นเป็น 3.7-3.8 ล้านตัน/ไตรมาส ขณะเดียวกัน core EBITDA/ตัน น่าจะได้ประโยชน์จากผลกระทบของการลดสต็อกที่ลดลงและการเริ่มใช้ภาษีตอบโต้การทุ่มตลาด สำหรับการนำเข้า PET จากจีนของสหภาพยุโรปภายใน ต.ค.2566 และในเม็กซิโกในอนาคต
ปรับลดประมาณการกำไรปี 2566-68 ลง 11-44% เนื่องจากผลกระทบของการลดสต็อกที่ยืดเยื้อและสมมติฐานอัตรากำไรที่ลดลงของผลิตภัณฑ์ MEG ในสหรัฐฯ และธุรกิจไฟเบอร์ ฝ่ายวิจัยจึงลดประมาณการกำไรปี 2566-68 ลง 44%/29%/11% จาก 1.5 หมื่นลบ./2.04 หมื่นลบ./2.16 หมื่นลบ. เป็น 8.4 พันลบ./1.45 หมื่นลบ./1.92 หมื่นลบ. ฝ่ายวิจัยยังลดประมาณการส่วนต่างราคา MEG ของสหรัฐฯ ลง 13-35% เป็น 375-550 ดอลลาร์ฯ/ตัน จากราคาก๊าซของสหรัฐฯ ที่อ่อนตัวลงเมื่อเร็ว ๆ นี้ ส่งผลให้ปัญหาอุปทานล้นตลาดรุนแรงขึ้น ขณะเดียวกันฝ่ายวิจัยยังลดสมมติฐานอัตรากาไรของธุรกิจไฟเบอร์ปี 2566 ลง 26% เป็น 140 ดอลลาร์ฯ/ตัน และลดสมมุติฐานปริมาณการขายปี 2566-24 ลง 6% และ 2% เป็น 14.4 ล้านตัน และ 15.3 ล้านตันจากผลกระทบของการระบายสต็อกสินค้าที่ยืดเยื้อออกไป