สำรวจชีวิตแรงงานไทยปี 68: แนวโน้มดีขึ้น ออมเพิ่ม หนี้นอกระบบลด

แรงงานไทยปี 68 มีแนวโน้มดีขึ้น ออมเพิ่ม หนี้นอกระบบลด การใช้จ่ายค่อย ๆ ฟื้นตัว
นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ เปิดเผยผลสำรวจสถานภาพแรงงานไทยในปี 2568 โดยเน้นกลุ่มแรงงานที่มีรายได้ไม่เกิน 15,000 บาท พบว่ามีสัญญาณบวกด้านการเงินของแรงงานไทย ทั้งในด้านการออมที่เพิ่มขึ้น หนี้นอกระบบลดลง และพฤติกรรมการใช้จ่ายที่ระมัดระวังมากขึ้น แม้สภาพเศรษฐกิจยังเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน
แรงงานใช้จ่ายอย่างระมัดระวัง ออมเพิ่มขึ้น
ผลสำรวจชี้ว่า แรงงานส่วนใหญ่เริ่มปรับตัวในการบริหารรายได้ โดย 52.1% ใช้จ่ายเท่าที่หาได้ และ 25.5% ใช้จ่ายน้อยกว่ารายได้ ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีขึ้นจากปี 2567 อีกทั้งอัตราการออมก็เพิ่มขึ้นจาก 33.8% ในปี 2567 เป็น 38.6% ในปี 2568 สะท้อนพฤติกรรมที่เน้นความมั่นคงทางการเงินมากขึ้น
หนี้นอกระบบลดลง การชำระหนี้ดีขึ้น
ข้อมูลด้านหนี้สินพบว่า ยอดหนี้นอกระบบเฉลี่ยต่อเดือนลดลงจาก 3,653 บาทในปี 2567 เหลือเพียง 1,956 บาทในปีนี้ ขณะที่หนี้ในระบบเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยจาก 7,503 เป็น 7,858 บาทต่อเดือน ทำให้ยอดหนี้รวมต่อเดือนลดลงจาก 9,295 เหลือ 8,407 บาท ซึ่งเป็นผลจากมาตรการภาครัฐ เช่น การแปลงหนี้นอกระบบเข้าสู่ระบบ และการสนับสนุนด้านรายได้ อาทิ โครงการ “แจกเงินหมื่น” และ “คุณสู้ เราช่วย”
แรงงานยังมองว่าเศรษฐกิจไม่ดี แต่ไม่ถึงขั้นน่าเป็นห่วง
แม้ภาพรวมการเงินดูดีขึ้น แต่แรงงานยังคงมีมุมมองระมัดระวังต่อภาวะเศรษฐกิจ โดยส่วนใหญ่ไม่ต้องการก่อหนี้เพิ่ม และยังมองว่าเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ อย่างไรก็ตาม ยังไม่พบสัญญาณที่แรงงานรู้สึกวิตกกังวลในระดับสูง
งานยังมั่นคง แต่อนาคตยังมีความเสี่ยง
กลุ่มแรงงานส่วนใหญ่ยังมั่นใจว่างานที่ทำมีความมั่นคง เพราะนายจ้างยังไม่มีแนวโน้มลดคนงาน สาเหตุหลักจากการขาดแคลนแรงงานในประเทศที่ต้องพึ่งพาแรงงานต่างด้าว 3–5 ล้านคน อย่างไรก็ตาม กลุ่มลูกจ้างรายวันยังไม่แน่ใจในอนาคต โดยมองว่าเศรษฐกิจยังมีความเสี่ยงจากปัจจัยต่างประเทศ โดยเฉพาะกรณี “ทรัมป์ 2.0”
การหางานใหม่ยังไม่ง่าย
เมื่อสอบถามว่า หากตกงานจะหางานใหม่ง่ายหรือไม่ พบว่ากว่าครึ่งหนึ่งของกลุ่มตัวอย่างมองว่า “ไม่ง่าย” โดยสถานการณ์ยังใกล้เคียงกับช่วงโควิด-19 ที่ตลาดแรงงานซบเซา แม้ปัจจุบันยังไม่มีผลกระทบโดยตรงจากสถานการณ์ทรัมป์ 2.0 แต่แรงงานยังไม่มั่นใจในทิศทางของเศรษฐกิจโลก
วันแรงงานปีนี้เงินสะพัดสูงสุดในรอบหลายปี
จากการสำรวจพฤติกรรมการใช้จ่ายช่วงวันแรงงาน ปี 2568 พบว่ามีเงินสะพัดประมาณ 2,186 ล้านบาท ขยายตัว 3.2% จากปีก่อน และเป็นยอดใช้จ่ายที่สูงที่สุดในรอบ 5 ปีนับตั้งแต่หลังโควิด-19 โดยกลุ่มแรงงานมีการใช้จ่ายเพิ่มขึ้นทั้งในด้านอาหาร ของใช้ และกิจกรรมผ่อนคลาย แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในระดับครัวเรือนที่ค่อย ๆ ฟื้นตัว
ค่าแรง 400 บาทต่อวัน ยังรอข้อสรุป
แม้รัฐบาลมีแนวทางปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 400 บาททั่วประเทศ แต่ยังไม่มีข้อสรุปชัดเจนจากการประชุมไตรภาคีของกระทรวงแรงงาน ขณะที่ผู้ประกอบการยังรอดูสถานการณ์เศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะผลกระทบจากนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้ “ทรัมป์ 2.0” ที่อาจมีผลต่อการส่งออกไทยในอนาคต