กระทรวงการคลังสหรัฐฯ อาจ 'ถังแตก' ก่อนสิ้นเดือนธันวาคม
วอชิงตัน, 1 ธ.ค. (ซินหัว) -- เมื่อวันอังคาร (30 พ.ย.) สำนักงบประมาณแห่งสภาคองเกรสสหรัฐฯ (CBO) เปิดเผยว่าปริมาณเงินสดของกระทรวงการคลังสหรัฐฯ อาจหมดลงก่อนสิ้นเดือนธันวาคมนี้ หากสภาคองเกรสไม่สามารถดันเพดานหนี้สินได้
กระทรวงฯ ได้กู้ยืมเงินสูงแตะเพดานหนี้ใหม่แล้วที่ 28.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 973.6 ล้านล้านบาท) จึงไม่สามารถกู้เงินเพิ่มเติมได้ภายใต้มาตรฐานการปฏิบัติงาน โดยปัจจุบันกระทรวงฯ ใช้มาตรการพิเศษเพื่อให้สามารถกู้ยืมเงินเพิ่มเติมภายในเวลาที่จำกัดได้
หากกระทรวงฯ ไม่ปรับเพดานหนี้สิน และโอนเงิน 1.18 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 3.97 ล้านล้านบาท) ไปยังกองทรัสต์ไฮเวย์ (Highway Trust Fund) ภายในวันที่ 15 ธ.ค. ตามแผน ปริมาณเงินสดของกระทรวงฯ จะหมดลงก่อนสิ้นเดือนธันวาคม และหากเป็นเช่นนั้น รัฐบาลจะไม่สามารถชำระหนี้หรือใช้จ่ายเงินในส่วนอื่นได้เต็มจำนวน ล่าช้า หรือทั้งไม่เต็มจำนวนและล่าช้า
การประเมินของสำนักฯ มีขึ้นขณะเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีกระทรวงฯ กระตุ้นคณะกรรมาธิการการธนาคารแห่งวุฒิสภาสหรัฐฯ เพื่อให้สภาคองเกรสดันเพดานหนี้สินภายในวันที่ 15 ธ.ค. ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง พร้อมระบุว่าสหรัฐฯ จะต้องชำระค่าใช้จ่ายต่างๆ เต็มจำนวนตามเวลา มิเช่นนั้นอาจส่งผลกระทบหนักต่อกระบวนการฟื้นฟูเศรษฐกิจในปัจจุบัน
"ฉันไม่ได้พูดว่าเราจะไม่มีหนทางเดินหน้าต่อหลังวันที่ 15 ธ.ค. แต่มันมีความไม่แน่นอนอยู่ และเราอาจไม่มีเงินหล่อเลี้ยงรัฐบาล" เยลเลนกล่าว พร้อมกระตุ้นสภาคองเกรสดันเพดานหนี้สินโดยเร็ว
อนึ่ง เพดานหนี้สินคือปริมาณเงินทั้งหมดที่รัฐบาลสหรัฐฯ ได้รับอนุมัติให้กู้ยืมเพื่อใช้จ่ายตามภาระหน้าที่ทางกฎหมาย อาทิ ประกันสังคม ประกันสุขภาพ ดอกเบี้ยของหนี้สินแห่งชาติ และค่าใช้จ่ายอื่นๆ