รีเซต

4 โบรกฯ อัพเดท PTT ลุยต่อ หรือ พอก่อน?

4 โบรกฯ อัพเดท PTT ลุยต่อ หรือ พอก่อน?
ทันหุ้น
22 สิงหาคม 2566 ( 10:37 )
123
4 โบรกฯ อัพเดท PTT ลุยต่อ หรือ พอก่อน?

บล.แลนด์ แอน เฮ้าส์ ส่องหุ้น PTT คาดธุรกิจก๊าซธรรมชาติโดดเด่นต่อเนื่องในครึ่งหลังของปีนี้ หนุนโดยปริมาณขายเพิ่มขึ้น YoY ต้นทุนลดลงและราคาขายเพิ่มขึ้น หนุนให้มาร์จิ้นเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ PTT ได้เตรียมพร้อมรับความท้าทายของธุรกิจก๊าซธรรมชาติในระยะยาวผ่านการวางโครงสร้างพื้นฐานให้ครอบคลุมและการเพิ่มประสิทธิภาพของโรงแยกก๊าซ ยังแนะนำ “ซื้อ” จากทิศทางกำไร Q3/66F แข็งแกร่งต่อเนื่องและแรงหนุนจากการประกาศจ่ายเงินปันผล 1H66 ในช่วงกลาง ก.ย. เป้าหมาย 39 บาท

 

สรุป Analyst Meeting ผู้บริหารมีมุมมองเชิงระมัดระวังต่อแนวโน้มเศรษฐกิจ

1) แนวโน้มเศรษฐกิจโลกยังมีความไม่แน่นอนทั้ง การขึ้นดอกเบี้ยสหรัฐฯ วิกฤตเศรษฐกิจในประเทศจีน รวมถึงการส่งออกของไทยที่หดตัว จะมีผลกระทบต่อความต้องการใช้พลังงานและปิโตรเคมี

 

2) ยังคงเดินหน้าในธุรกิจใหม่ๆ ที่เป็น Mega Trend ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ไฟฟ้า และกลุ่มยา โดยล่าสุดได้ร่วมมือกับ Kwang Yang Motor เพื่อดำเนินธุรกิจจัดจำหน่ายและผลิตรถไฟฟ้า2 ล้อ

 

3) การนำเข้าก๊าซ LNG เองของลูกค้าโรงไฟฟ้า ไม่ได้กระทบต่อธุรกิจของ PTT มากนักเพราะ Margin ในการจัดหานั้นค่อนข้างต่ำอยู่แล้ว แต่ส่วนที่เป็นท่อส่งการบนบก ท่าเรือ LNG เป็นส่วนที่สำคัญของธุรกิจซึ่งไม่ได้รับผลกระทบ ซึ่งลูกค้าที่นำเข้า LNG เองก็ยังต้องใช้บริการส่วนนี้เหมือนเดิม

 

4) สำหรับกลุ่มบริษัทแนวโน้มในครึ่งปีหลังนั้น PTTEP อาจจะมีราคาก๊าซที่ลดลง แต่ราคาน้ำมันยังมาพอชดเชย และปริมาณขายจากแหล่ง G1 ที่เพิ่มขึ้น , กลุ่มโรงกลั่นค่าการกลั่นยังอยู่ในระดับที่ดีกว่า 2Q23 ในขณะที่กลุ่มปิโตรเคมียังถูกกดดันจาก oversupply และ demand ที่ชะลอตัว

ด้าน บล.กสิกรไทย คงคำแนะนำ “ซื้อ” เป้าหมายที่ 39.90 บาท จากแนวโน้มกำไรที่แข็งแกร่งในไตรมาส 3/66 และปัจจัยหนุนตัวคูณมูลค่าหุ้นที่อาจเกิดขึ้นในปี 2567 จากธุรกิจใหม่ คาดจะเห็นส่วนแบ่งกำไรที่มีนัยสำคัญจากธุรกิจใหม่ (EV, แบตเตอรี่, พลังงานหมุนเวียน) ในปี 2567 จากการเปิดโรงงานผลิตใหม่ PTT อ้างว่ามีผลกระทบเพียงเล็กน้อยจากผู้นำเข้า LNG รายใหม่ ในขณะที่ ERC ทุเลากรณีเรียกเงินค่าปรับการขาดส่งก๊าซ

 

ส่วนปัจจัยเสี่ยง ภาวะเศรษฐกิจโลกและราคาน้ำมัน ภาวะชะลอตัว/ชะงักงันของเศรษฐกิจโลกอาจส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบโลก ค่าการกลั่น ส่วนต่างราคาปิโตรเคมีอะโรเมติกส์ และอัตราแลกเปลี่ยนมีความผันผวนและต่ำกว่าประมาณการ

 

 

ฟาก บล.ทรีนีตี้ มีมุมมองเป็นกลางต่อการประชุม PTT แนวโน้มหลักยังคงเป็นไปตามที่ประเมินไว้ ธุรกิจใหม่ๆ ของ PTT นั้นยังอยู่ในระดับเริ่มต้นอาจจะยังไม่เห็นผลในเชิงของผลกำไรมากนัก จากฐานกำไรของบริษัทที่ค่อนข้างใหญ่ ทั้งนี้ยังมองว่าธุรกิจที่เกี่ยวกับ value chain ของแบตเตอรี่นั้นน่าจะยังเป็นธุรกิจที่เป็น New S curve ให้กับ PTT ในวันข้างหน้า  

 

แนวโน้ม Q3/66 ธุรกิจหลักของ PTT น่าจะทรงตัวราคา pool gas น่าจะปรับลดลง ในขณะที่ปริมาณขายอาจจะลดลงเช่นกัน สำหรับภาพรวมของกลุ่มบริษัทนั้น ประเมินว่ากำไรน่าจะปรับขึ้น QoQ จากธุรกิจของ PTTEP ที่ราคาน้ำมันยืนอยู่ในระดับสูง และกลุ่มโรงกลั่นที่ GRM ปรับดีขึ้น และอาจจะมี Stock gain ดังนั้นแล้วยังคงประมาณการกำไรทั้งปีที่ 1.1 แสนล้านบาท โดย 1H66 คิดเป็นประมาณ 43% ของประมาณการทั้งปี

 

คงคำแนะนำ ซื้อเก็งกำไร และคงราคาเป้าหมาย ที่ 36.50 บาท อิง SOTP หรือเทียบเท่า PBV ที่ 0.92 เท่า

 

ขณะที่ บล.กรุงศรี พัฒนสิน แนะนำ "ซื้อ" PTT ให้เป้าหมายปี 67 ที่ 47.5 มอง slightly negative ต่อข้อมูลในที่ประชุมนักวิเคราะห์ ในประเด็นการนำเข้า LNG ของผู้ประกอบการรายอื่น (LNG shipper รายอื่น) ในช่วง 2567F เป็นต้นไป ที่อาจทำให้ตลาดกลับมากังวลอีกครั้งว่าหาก GULF สามารถเจรจาปรับสัญญาซื้อขายก๊าซฯ กับ PTT ได้ (ลดปริมาณซื้อก๊าซฯ) จะมีโอกาสที่ลูกค้ารายอื่นจะขอปรับสัญญาด้วยหรือไม่ 

 

ทั้งนี้ มองประเด็นความเสี่ยงดังกล่าวมีโอกาสเกิดกับลูกค้า IPP มากสุด แต่ไม่ใช่ทุกรายจะมีโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่เท่า GULF ที่จะนำเข้า LNG ในปริมาณมากและได้ราคาดีกว่า Benchmark เบื้องต้นประเมิน sensitivity ทุกๆ ปริมาณขาย S&M ส่วนของลูกค้า IPP ที่หายไป 100 mmscfd หรือราว 18% ของปริมาณขายปี 2565 จะกระทบกำไรราว -78 ลบ. หรือ 0.07% ทั้งนี้ปริมาณขายลูกค้า IPP คิดเป็น 13% ของลูกค้า S&M ทั้งหมดใน 2564-66 หรือราว 547-587 mmscfd (ประมาณการของฝ่ายวิจัยในช่วง 2566-68F อยู่ที่ 530-685 mmscfd) 

 

ประเมินกำไรปกติ Q3/66F ฟื้น q-q หนุนจากทั้ง i) ธุรกิจก๊าซฯ ต้นทุนก๊าซฯลดลง ตามราคาก๊าซฯ อ่าวไทยที่แหล่งใหม่ (ราคาต่ำลง) เข้ามามีสัดส่วนเพิ่มขึ้น และ ราคา LNG ลดลงจากเป็น low season และ EU ตุน stock ไว้มากแล้ว และ ii) ธุรกิจโรงกลั่นและปิโตรเคมี (P&R) ไม่มี stock loss มาฉุด และ ค่าการกลั่นฟื้นสูง (driving season + โรงกลั่นบางส่วนปิดซ่อม) 

 

คงคำแนะนำ "ซื้อ" เป้าหมายปี 67 ที่ 47.5 บ. เพราะ i) ธุรกิจก๊าซฯ ฟื้นตัว จากต้นทุนก๊าซฯ ลดลงตามราคา LNG (spot LNG YTD -59% y-y, Q3/66F คาด -18% q-q) ii) กำไร 2566F อยู่ในระดับสูงใกล้เคียง Pre-COVID (2561-62) คาดจ่ายปันผลได้ราว 2 บาท/หุ้น คิดเป็น dividend yield ราว 5.6% (vs. Pre-COVID ราว 4.5%) iii) PBV ปัจจุบันราว 0.9 เท่า สะท้อนแรงกดดัน regulatory risk ของธุรกิจก๊าซฯ ไปมากแล้ว (PBV Pre-COVID ราว 1.4-1.5 เท่า) iv) คาดกำไรปกติ ฟื้นตัวใน 2H66F ทั้ง y-y, h-h ตาม ธุรกิจก๊าซฯ (ต้นทุนลดลง) และ ธุรกิจโรงกลั่นฟื้นตัว เพราะ stock loss ลดลง และ demand ช่วงฤดูหนาว+supply บางส่วนปิดซ่อมนอกแผน หนุนค่าการกลั่น

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง