LEO จับมือ LogiCam ร่วมทุนลุยธุรกิจ บริการขนส่งสินค้าระหว่างไทย-กัมพูชา
LEO เดินหน้าประกาศจับมือร่วมลงทุน กับ LogiCam ผู้ให้บริการโลจิสติกส์แบบครบวงจรระหว่างประเทศไทย - กัมพูชา พัฒนาธุรกิจการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศไทย - กัมพูชา ต่อยอดธุรกิจโลจิสติกส์และคลังสินค้าแบบครบวงจร ฟาก บิ๊กบอส “เกตติวิทย์ สิทธิสุนทรวงศ์” มั่นใจจะเพิ่มความแข็งแกร่งทางด้านการให้บริการด้านโลจิสติกส์ บริการเดินพิธีการศุลกากร นำเข้า - ส่งออก การขนส่งทางรถ (Cross Border Transport) และกระจายสินค้าไปยังเมืองต่างๆทั่วกัมพูชา และนำพา LEO ให้ก้าวต่อไปอย่างก้าวกระโดด และยั่งยืน
นายเกตติวิทย์ สิทธิสุนทรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) (LEO) เปิดเผยว่า LEO ร่วมกับบริษัท Logistics Intelligence (Cambodia) Co., Ltd., (LogiCam) ได้ประกาศร่วมลงทุนเพื่อพัฒนาธุรกิจการขนส่งสินค้า และต่อยอดธุรกิจโลจิสติกส์และคลังสินค้าระหว่างประเทศไทย - กัมพูชา อย่างเป็นทางการ นำทัพ โดยดร.สุภชัย วีระภุชงค์ ประธานบริษัท LogiCam
ทั้งนี้ ได้รับเกียรติจาก นายเชิดเกียรติ อัตถากร เอกอัครราชฑูตไทยประจำกัมพูชา เป็นประธานเปิดงานแถลงข่าว ณ โรงแรมโซฟิเทล อังกอร์ โภคีธรา กอล์ฟ แอนด์ สปา รีสอร์ท ประเทศกัมพูชา
สำหรับความร่วมมือทางธุรกิจ ระหว่าง LEO และ LogiCam ในครั้งนี้ ถือเป็นอีกก้าวที่สำคัญของทั้งสองฝ่าย ที่จะเพิ่มความแข็งแกร่งทางด้านการให้บริการด้านโล จิสติกส์ ซึ่งปัจจุบัน LogiCam สามารถให้บริการเดินพิธีการศุลกากรทั้งนำเข้าและส่งออก บริการขนส่งจากประเทศไทยมายังกัมพูชาทางรถบรรทุกข้ามพรมแดน (Cross Border Transport) บริการขนส่งและกระจายสินค้าไปยังเมืองต่างๆ ทั่วประเทศกัมพูชา และบริการด้านคลังสินค้า การจัดเก็บสินค้าตามความต้องการที่หลากหลาย
ในส่วนของ LEO นั้นเป็นบริษัทผู้ให้บริการโลจิสติกส์แบบครบวงจรที่สามารถให้บริการได้ครอบคลุมทั่วโลก หรือ End-to-End Global Logistics Service Provider ซึ่งเปิดดำเนินการมาถึงปีนี้เป็นปีที่ 33 มี Network Agent อยู่มากกว่า 190 ประเทศทั่วโลก และสามารถให้บริการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศทั้งทางเรือ ทางอากาศ ทางรถบรรทุก และรวมถึงการขนส่งทางราง ซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพให้กับทาง LEO และ LogiCam ให้มีขีดความสามารถในการให้บริการขนส่งสินค้าจากประเทศกัมพูชาไปยังทั่วโลก และจากทั่วโลกมายังประเทศกัมพูชาได้
“การร่วมมือกันระหว่าง LEO และ LogiCam ในครั้งนี้ถือได้ว่าเป็นการขยายขอบเขตการให้บริการให้ครบวงจรมากยิ่งขึ้น ด้วยจุดแข็งของทั้ง 2 บริษัท จะเสริมสร้างความแข็งแกร่งในการให้บริการโลจิสติกส์แบบครบวงจร ทั้งนำเข้า-ส่งออก ระหว่างประเทศไทย-กัมพูชา และประเทศอื่นๆ ทั่วโลก ทั้งทางเรือและทางอากาศ รวมไปถึงงานขนส่งสินค้าขนาดใหญ่หรือสินค้าโครงการ (Project & Heavy Lift Cargo) จากประเทศต่างๆทั่วโลก มายังประเทศกัมพูชา เราสามารถจัดหาบริการ ให้คำแนะนำ ช่วยคิด ช่วยวางแผน เตรียม Solution ที่ดีและเหมาะสมกับความต้องการที่หลากหลายได้ตั้งแต่ประเทศต้นทาง มาจนถึงหน้าโรงงาน หรือ คลังสินค้าต่างๆ ทั่วกัมพูชา และด้วยความสนับสนุน จาก Overseas Network ทำให้วางใจได้ว่า งานที่ต้องการความช่วยเหลือ ประสานงาน และวางแผนกับคู่ค้าของท่านในประเทศต้นทางนั้น จะได้รับความคล่องตัวและมีประสิทธิภาพ ด้วยข้อได้เปรียบที่มีทีมผู้บริหารที่เป็นคนไทย จึงมั่นใจได้ว่าเราจะสามารถสื่อสาร ประสานงานและบริหารงานให้บริการกับลูกค้าได้อย่างถูกต้อง ถูกใจ และหลากหลายในทุกมิติ” นายเกตติวิทย์ กล่าว