'แบงก์ชาติ' หนุนปล่อย 'สินเชื่อดิจิทัลซัพพลายเชน' ให้เอสเอ็มอีเข้าถึงแหล่งเงินทุนง่ายขึ้น
เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า โครงการ Smart Financial and Payment Infrastructure for Business ที่เป็นความร่วมมือระหว่างกระทรวงการคลัง ธปท. หน่วยงานภาครัฐ ภาคธนาคาร และภาคธุรกิจ ในการเชื่อมโยงข้อมูลการค้าและการชำระเงินของภาคธุรกิจ เข้ากับข้อมูลผู้ให้บริการทางการเงินและระบบภาษีของภาครัฐ เพื่อแก้ปัญหาของการทำธุรกิจแบบเดิม ที่ผู้ประกอบการต้องนำส่งเอกสารทางการค้าในรูปแบบกระดาษให้กับคู่ค้า ต้องตรวจสอบการชำระเงินแยกตามรายการ รวมไปถึงต้องนำส่งและจัดเก็บเอกสารทางภาษี ซึ่งจะมีทั้งต้นทุนการบริหารจัดการเอกสาร และต้นทุนเวลาเพื่อตรวจสอบความถูกต้องในทุกขั้นตอน
โดยโครงการนี้จะนำกระบวนการทั้งหมดเข้าสู่ระบบดิจิทัล ช่วยลดต้นทุน ลดข้อผิดพลาด การตรวจสอบทำได้ง่าย และจะทำให้ได้รับเงินเร็วขึ้น รวมทั้งธุรกิจสามารถนำข้อมูลเหล่านี้ไปใช้สนับสนุนการขอสินเชื่อหมุนเวียนได้ด้วย ซึ่งหลายประเทศที่มีโครงสร้างพื้นฐานลักษณะเดียวกันนี้ เช่น ประเทศอังกฤษ สามารถลดต้นทุนการจัดการเอกสารต่อรายการได้กว่า 65% ในประเทศสหรัฐอเมริกา ธุรกิจได้รับเงินตรงเวลามากขึ้นกว่าเท่าตัว ฝรั่งเศสลดค่าจัดส่งเอกสารได้ถึง 96% และลดเวลาของกระบวนการทั้งหมดลงจาก 15 วันเหลือเพียง 3 วัน
นายเศรษฐพุฒิ กล่าวว่า โครงการประกอบด้วย 2 ส่วน ส่วนแรก คือ บริการด้านการค้าและการชำระเงิน ที่จะเป็นโครงสร้างพื้นฐานหลักในการเชื่อมข้อมูลข้างต้นอย่างครบวงจร และส่วนที่สอง ที่จะเริ่มเปิดให้บริการได้ในวันนี้ คือ บริการด้านสินเชื่อ หรือ Digital Supply chain Finance ที่จะนำข้อมูลจากบริการด้านการค้าและการชำระเงินมาใช้ในการตรวจสอบเอกสารสำหรับการให้สินเชื่อ ซึ่งด้วยระบบเชื่อมโยงข้อมูลที่ไม่ซับซ้อน จึงสามารถเปิดใช้บริการนี้ได้ก่อนในการให้ความช่วยเหลือแก่ธุรกิจเอสเอ็มอี ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด19
“หวังเป็นอย่างยิ่งว่า บริการสินเชื่อดิจิทัลซัพพลายเชน จะช่วยสนับสนุนการเข้าถึงแหล่งเงินทุนและตอบโจทย์ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีให้ผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปได้ และพร้อมปรับตัวสู่โลกใหม่ สามารถเป็นตัวเปลี่ยนเกม ที่จะช่วยสนับสนุนภาคธุรกิจในการเปลี่ยนผ่านเข้าสู่กระแสดิจิทัลได้ดีเช่นกัน” นายเศรษฐพุฒิ กล่าว