รีเซต

JAPAN FIRST "ญี่ปุ่น" ยุคต่อต้านต่างชาติ? "ทาคาอิจิ" เร่งจัดระเบียบประเทศ ตั้งลูกครึ่งอเมริกันนั่งรัฐมนตรี

JAPAN FIRST "ญี่ปุ่น" ยุคต่อต้านต่างชาติ? "ทาคาอิจิ" เร่งจัดระเบียบประเทศ ตั้งลูกครึ่งอเมริกันนั่งรัฐมนตรี
TNN ช่อง16
17 พฤศจิกายน 2568 ( 08:00 )
14

"ญี่ปุ่น" กับกระแส "ต่อต้านต่างชาติ"? 


นายกฯหญิง "ทาคาอิจิ"  ก่อตั้งกระทรวงใหม่ ให้รัฐมนตรีสาวลูกครึ่งอเมริกัน นั่งเก้าอี้จัดระเบียบดูแลชาวต่างชาติในประเทศโดยตรงท่ามกลางกระแสของ "Japan First" หรือญี่ปุ่นต้องมาก่อนที่กำลังมาแรงในหมู่ชาวญี่ปุ่น นับเป็นอะไรใหม่ๆ ของญี่ปุ่น ที่ต้องจับตา  


ประเทศญี่ปุ่นกำลังเร่งจัดระเบียบชาวต่างชาติ ทั้งในแง่ของนักท่องเที่ยว และแรงงานต่างชาติที่ทะลักเข้ามา ท่ามกลางกระแสต่อต้านชาวต่างชาติที่ดูเหมือนว่าจะเริ่มรุนแรงหนักมากขึ้นในหมู่ชาวญี่ปุ่นบางกลุ่ม และที่สำคัญ คือ ท่าทีของผู้นำหญิงคนใหม่ของญี่ปุ่นนั้นก็แข็งกร้าวในเรื่องนี้มากๆ ล่าสุดที่เป็นประเด็นร้อน ก็คือ ซานาเอะ ทาคาอิจิ นายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่น ได้ออกมาตำหนิชาวต่างชาติที่ทำร้ายกวางหรือไปเตะกวางในสวนสาธารณะนารา ซึ่งเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของญี่ปุ่น และยืนกรานที่จะไม่ถอนคำพูดของเธอด้วย 


การประชุมรัฐสภาเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2568 ระบุว่า ความเห็นของเธอเกิดจากประสบการณ์ตรง และย้ำว่าว่าเธอเคยได้ยินกรณีที่คล้ายกันนี้จากผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวในท้องถิ่นและตำรวจนารา พร้อมทั้งยืนยันว่าถ้อยแถลงของเธอมีพื้นฐานมาจากข้อเท็จจริง


สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ในระหว่างการหาเสียงเลือกหัวหน้าพรรคเสรีประชาธิปไตย (LDP) เมื่อเดือนตุลาคม ทาคาอิจิ ซึ่งเป็นนักการเมืองอนุรักษนิยมสุดโต่ง ได้เคยวิพากษ์วิจารณ์นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติว่า “เตะกวาง” ในญี่ปุ่น โดยไม่มีการอ้างอิงหลักฐานที่เฉพาะเจาะจง


สมาชิกรัฐสภาจากฝ่ายค้านรายหนึ่งได้เรียกร้องให้ทาคาอิจิถอนคำพูดดังกล่าว เนื่องจากเกรงว่าจะก่อให้เกิดความรู้สึกต่อต้านชาวต่างชาติในประเทศได้ พร้อมแสดงความกังวลว่า ข้อมูลออนไลน์ที่ไม่ได้รับการตรวจสอบอาจเป็นชนวนเหตุให้เกิดการทำร้ายและการเลือกปฏิบัติต่อนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามา 


แต่ด้านนายกฯ หญิงญี่ปุ่นก็ตอบว่า “ดิฉันไม่สามารถถอนคำพูดได้” ขณะเดียวกันก็ยอมรับด้วยว่า นักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นเองก็ทำอันตรายกวางในสวนสาธารณะนาราเช่นกัน


การจัดระเบียบชาวต่างชาติกลายเป็นวาระสำคัญและเร่งด่วน สำหรับรัฐบาลของทาคาอิจิ  โดยเธอได้เขีดเส้นตาย สั่งการคณะรัฐมนตรี ให้เร่งจัดทำนโยบายชาวต่างชาติ ให้เสร็จสิ้นไม่เกินเดือนมกราคมปีหน้านี้  ก่อนหน้านี้ ทางการญี่ปุ่น ก็ได้จัดให้มีการประชุมคณะรัฐมนตรีเพื่อหารือเกี่ยวกับนโยบายชาวต่างชาติเป็นการเฉพาะ และมีหลายประเด็นที่บรรดารัฐมนตรีของญี่ปุ่นได้หยิบยกนำมาหารือกัน ไม่ว่าจะเป็นการทบทวนกฎระเบียบว่าด้วยการซื้อที่ดินโดยชาวต่างชาติ และแนวทางในการยกระดับการควบคุมการเข้าเมืองเพื่อจัดการกับปัญหาชาวต่างชาติที่อาศัยในญี่ปุ่นอย่างผิดกฎหมาย


โดยทาคาอิจิกล่าวในที่ประชุมครั้งนั้นว่า ได้เกิดสถานการณ์ที่ทำให้ประชาชนชาวญี่ปุ่นรู้สึกไม่สบายใจและรู้สึกถึงความไม่เป็นธรรม จากการกระทำที่ผิดกฎหมายและการละเมิดกฎเกณฑ์โดยชาวต่างชาติบางส่วน ดังนั้นเพื่อที่จะป้องกันไม่ให้เกิดการเกลียดกลัวชาวต่างชาติ รัฐบาลจะตอบสนองต่อประเด็นเหล่านั้นอย่างเด็ดขาด


ขณะที่มิโนรุ คิฮาระ หัวหน้าเลขาธิการคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่น เปิดเผยภายหลังการประชุมว่า รัฐบาลจะรวบรวมชุดมาตรการที่ครอบคลุมในเดือนมกราคม 2569 เพื่อจัดการกับปัญหาที่เกี่ยวข้องทั้งกับนักท่องเที่ยวและชาวต่างชาติที่พำนักอยู่ในญี่ปุ่น และเพื่อสร้างสังคมที่ปลอดภัย มั่นคง เป็นระเบียบ และเท่าเทียมสำหรับประชาชนและชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในประเทศ

"ทาคาอิจิ" ให้รัฐมนตรีหญิงลูกครึ่งอเมริกัน-ญี่ปุ่น นั่งเก้าอี้กระทรวงใหม่เพื่อจัดระเบียบ "ต่างชาติ" 


“คิมิ โอโนดะ” (Kimi Onoda) ลูกครึ่งญี่ปุ่น-อเมริกัน ขึ้นแท่นเป็นรัฐมนตรีกระทรวงใหม่ เข้ามาดูแลนโยบายเกี่ยวกับคนต่างชาติเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น 


เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2025 รัฐบาลญี่ปุ่นภายใต้การนำของ ซานาเอะ ทาคาอิจิ นายกรัฐมนตรีหญิงสายอนุรักษนิยมคนใหม่คนแรกของญี่ปุ่น ได้จัดตั้งกระทรวงใหม่ขึ้น เพื่อดูแลเรื่อง “คนต่างชาติ” โดยเฉพาะ พร้อมแต่งตั้ง คิมิ โอโนดะ สมาชิกสภาจากพรรคเสรีประชาธิปไตย (LDP) ให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีคนแรกของกระทรวงใหม่นี้


ตามรายงานของสำนักข่าวเกียวโด ระบุว่า กระทรวงใหม่ถูกจัดตั้งขึ้นเพื่อ “ส่งเสริมสังคมอยู่ร่วมกับชาวต่างชาติอย่างเป็นระเบียบ” (Orderly Coexistence Society With Foreigners)


“คิมิ โอโนดะ” รัฐมนตรีสาวไฟแรง อายุ 42 ปี เป็นสมาชิกพรรค LDP ได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มอนุรักษนิยม เธอเกิดที่สหรัฐอเมริกา  บิดาเป็นชาวอเมริกัน และมารดาเป็นชาวญี่ปุ่น


ความเคลื่อนไหวเหล่านี้นับเป็นหนึ่งในสัญญาณว่าทางการญี่ปุ่นภายใต้การนำของทาคาอิจิกำลังเร่งจัดระเบียบชาวต่างชาติในประเทศ และคุมเข้มแรงงานต่างด้าว  สอดรับคำแนวคิด Japan First  


ปัจจุบันนี้ จำนวนชาวต่างชาติที่อาศัยในญี่ปุ่นมีจำนวนสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ประมาณ 3.8 ล้านคนในปีที่แล้ว ตัวเลขดังกล่าวคิดเป็น 3% ของประชากรทั้งหมด ขณะที่ตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติของญี่ปุ่นก็ยังคงทำสถิติใหม่ นิวไฮอย่างต่อเนื่อง 9 เดือนแรกของปีนี้ทะลุไปแล้วกว่า 31 ล้านคน 


นโยบายเกี่ยวกับชาวต่างชาติได้กลายเป็นประเด็นร้อนในญี่ปุ่นอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางกระแสการท่องเที่ยวญี่ปุ่นที่บูมขั้นสูงสุด สอดรับกับการส่งเสริมการท่องเที่ยวของทางการเพื่อหารายได้เข้าสู่ประเทศ แต่ในขณะเดียวกันก็มีปัญหารายงานตามมาเช่นกัน โดยเฉพาะการพำนักเกินกำหนดวีซ่า และการใช้บริการสาธารณะในทางที่ผิดโดยชาวต่างชาติบางกลุ่ม และปัญหาเหล่านี้ได้รับการพูดถึงและได้รับความสนใจในหมู่สาธารณชนพลเมืองชาวญี่ปุ่นมากยิ่งขึ้น ในช่วงการเลือกตั้งสภาสูงเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา และในการเลือกตั้งครั้งนั้นเอง ได้กลายเป็นหนึ่งตัวแปรและเป็นจุดเปลี่ยนของการเมืองในประเทศญี่ปุ่น เพราะว่าพรรคเสรีประชาธิปไตย (LDP) ของนายกรัฐมนตรีชิเงรุ อิชิบะ ในขณะนั้น ประสบความพ่ายแพ้ครั้งใหญ่ จนนำไปสู่ก่อนการประกาศลาออกในเดือนกันยายนที่ผ่านมา และทำให้ทาคาอิจิ ได้ขึ้นมาเป็นนายกฯ หญิงคนแรก


แต่ประเด็นน่าสนใจ คือ ในการหาเสียงของการเลือกตั้งช่วงดังกล่าว พรรคการเมืองที่ชื่อว่า "พรรคซันเซโตะ"  ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายขวาจัด หรือแนวคิดแบบชาตินิยมสุดโต่ง ได้ออกมารณรงค์เรื่อง “Japan First"  โดยแสดงจุดยืนว่าประเทศญี่ปุ่นนั้นควรมีการคุมเข้มชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในญี่ปุ่นเพื่อปกป้องสิทธิของชาวญี่ปุ่น พร้อมเรียกร้องให้มีการออกมาตรการเข้มงวดนโยบายตรวจคนเข้าเมืองมากขึ้น และยังชี้ว่าการอพยพย้ายถิ่นคือ “การรุกรานอย่างเงียบ (Silent Invasion)” และผลที่เกิดขึ้น คือ พรรคดังกล่าว ได้รับกระแสตอบรับที่ดีอย่างยิ่ง จนกวาดคะแนนเสียงไปถึง 15 ที่นั่งในวุฒิสภาญี่ปุ่นในการเลือกตั้งครั้งนั้น

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง