ผลทดลองพบวัคซีนโนวาแวกซ์ Novavax มีประสิทธิภาพป้องกันโควิดได้ 90%
ข่าววันนี้ (14 มิ.ย.64) บริษัท โนวาแวกซ์ เปิดเผยผลการทดลองทางคลินิกระยะที่ 3 จากกลุ่มอาสาสมัครเกือบ 30,000 คน อายุ 18 ปีขึ้นไป ทั้งในสหรัฐฯ และเม็กซิโก พบว่า วัคซีนดังกล่าวมีประสิทธิภาพในการป้องกันเชื้อโควิด-19 ได้มากกว่า 90% รวมถึงสามารถป้องกันไวรัสกลายพันธุ์อื่นๆ ได้ด้วย โดยเฉพาะสายพันธุ์อัลฟ่า
ผลการทดลองพบว่า มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 รวม 77 คน โดยจำนวนนี้เป็น 14 คน ที่ได้รับวัคซีนจริง ส่วนที่เหลือเป็นวัคซีนหลอก และไม่มีใครที่ได้รับวัคซีนมีอาการปานกลางถึงรุนแรง ขณะที่กลุ่มวัคซีนหลอกมีอาการรุนแรงอย่างน้อย 14 คน
ทำให้ตอนนี้ทางบริษัทได้ยื่นเรื่องขออนุมัติการใช้เป็นกรณีฉุกเฉินในสหรัฐฯ และประเทศอื่นแล้ว คาดว่าจะสามารถนำมาใช้ได้ในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ ซึ่งช่วงเวลาดังกล่าว บริษัทคาดว่าจะสามารถผลิตได้ราว 100 ล้านโดส
ทั้งนี้ วัคซีนโนวาแวกซ์ สามารถเก็บได้ง่าย และง่ายต่อการขนส่ง จึงทำให้ผู้เชี่ยวชาญต่างหวังว่าวัคซีนนี้จะเป็นอีกชนิดที่มีบทบาทสำคัญในการเพิ่มขึ้นของปริมาณวัคซีนทั่วโลก
สำหรับวัคซีนโนวาแวกซ์ เป็นวัคซีนผลิตด้วยกระบวนการดั้งเดิม ด้วยการสร้างโปรตีนของเชื้อไวรัสด้วยระบบ cell culture, yeast, baculovirus เป็นต้น แล้วนํามาผสมกับสารกระตุ้นภูมิ เมื่อฉีดเข้าสู่ร่างกายจะกระตุ้นให้ร่างกายสร้างแอนตีบอดีต่อต้านโปรตีนสไปค์ของไวรัสโรคโควิด19 ซึ่งเป็นวิธีเดียวกับการผลิตวัคซีนโรคไอกรน และงูสวัด
ส่วนวัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้านั้น ก่อนหน้านี้ หนังสือพิมพ์ ลา สแตมปา ของอิตาลี รายงานอ้างคำกล่าวของ มาร์โก คาวาเลรี หัวหน้าคณะทำงานเฉพาะกิจโควิด-19 ขององค์การยาแห่งสหภาพยุโรป หรือ EMA ซึ่งแนะนำว่าประเทศต่างๆ ควรหลีกเลี่ยงฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า ให้กับกลุ่มคนอายุ 60 ปีขึ้นไป เพิ่มเติมจากกลุ่มคนหนุ่มสาว หากว่ามีวัคซีนทางเลือก ต่อมา คาวาเลรี ระบุในถ้อยแถลงที่ส่งถึงสำนักข่าวรอยเตอร์ ว่าคำพูดของเขาไม่ถูกตีความอย่างถูกต้องในการให้สัมภาษณ์เมื่อเร็วๆ นี้กับ ลา สแตมปา ทำให้เกิดการเผยแพร่ข่าวที่คลาดเคลื่อนดังกล่าวออกมา ก่อนยืนยันว่าวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้ายังคงมีผลได้และความเสี่ยงในทางบวกในทุกกลุ่มอายุ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มคนสูงวัยอายุ 60 ปีขึ้นไป จากนั้นในช่วงเย็นวันอาทิตย์ ลา สแตมปา ปรับแก้พาดหัวข่าวในรายงานข่าวทางออนไลน์และเพิ่มเติมคำชี้แจงของคาวาเลรีเข้าไปในข่าว