ขอตำรวจดูด้วยคน! เมืองในมิสซิสซิปปีกำลังทดลองให้ตำรวจเข้าถึงกล้องวงจรปิดส่วนตัวได้
5 พฤศจิกายน 2563 ( 23:10 )
150
ตำรวจในเมืองแจ็คสัน รัฐมิสซิสซิปปี กำลังเริ่มโครงการนำร่องให้สามารถเข้าถึงกล้องวงจรปิดส่วนบุคคลของประชาชนได้เมื่อได้รับรายงานเหตุอาชญากรรมในบริเวณพื้นที่ใกล้เคียง โดยโครงการนี้เริ่มขึ้นไม่กี่เดือนหลังจากที่เมืองแจ็คสันกลายเป็นเมืองแรกในแถบทางใต้ของสหรัฐอเมริกาที่ต่อต้านการให้ตำรวจใช้ระบบการจดจำทางใบหน้า หรือ “Facial recognition”
ซึ่งถ้าโครงการนี้ผ่านการทดลองใช้ 45 วันไปได้สำเร็จและทางเมืองตัดสินใจขยายโปรแกรมนี้ ชาวเมืองและบรรดาบริษัทต่าง ๆ ก็จะสามารถเลือกให้ความยินยอมกับตำรวจในการเข้าถึงสตรีมจากกล้องวงจรปิดส่วนตัวของพวกเขาได้ เช่นกล้องของ Rings, Wyze และ Arlo ที่มีอยู่ทั่วไปในเมืองนั่นเอง
ที่สำคัญคือโครงการนี้ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยและความยินยอมของชาวเมืองและบริษัทต่าง ๆ เป็นอย่างมาก โดย Chokwe Antar Lumumba นายกเทศมนตรีแห่งเมืองแจ็คสันได้กล่าวว่าประชาชนจะสามารถสละสิทธิ์ความยินยอมในการให้ตำรวจเข้าถึงกล้องวงจรปิดได้ทุกเมื่อ และด้วยการใช้กล้องที่มีอยู่แล้วจากความยินยอมของประชาชนเอง จะช่วยให้ทางเมืองสามารถประหยัดการจัดซื้อและติดตั้งกล้องวงจรปิดรอบเมืองไปได้มาก
ในขณะนี้โครงการนำร่องทดลองเข้าถึงกล้องจำนวน 10 ตัวด้วยกัน โดย 5 ตัวเป็นของเมือง และอีก 5 ตัวมาจากกล้องส่วนบุคคล ตำรวจจะสามารถเข้าถึงภาพและข้อมูลได้ก็ต่อเมื่อมีการแจ้งเหตุอาชญากรรมในพื้นที่บริเวณนั้น ๆ โดยจะได้รับการสอดส่องดูแลจากหน่วยหลักที่มีชื่อว่า “Real Time Crime Center” ซึ่งจะใช้กล้องที่อยู่ใกล้เคียงบริเวณเกิดเหตุในการดูสิ่งต่าง ๆ เช่น ทางหลบหนีที่น่าจะเป็นไปได้, รถที่คนร้ายอาจจะใช้หลบหนี, และตัวบุคคลต้องสงสัยที่กำลังหนีจากจุดเกิดเหตุ เป็นต้น
อย่างไรก็ตามโครงการนี้ก็มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์อยู่บ้างเหมือนกัน โดยกลุ่มองค์กร “The Electronic Frontier Foundation” ได้กล่าวถึงความเป็นไปได้ของเรื่องการบุกรุกความเป็นส่วนตัวที่อาจจะเกิดขึ้น โดยตัวแทนได้กล่าวว่า หากตำรวจต้องการสร้างเครือข่ายกล้องวงจรปิดขึ้นมา ก็ควรที่จะดำเนินการอย่างโปร่งใสและทำให้สามารถตรวจสอบได้ และต้องทำให้เกิดความแน่ชัดว่าประชาชนจะมีส่วนร่วมในกระบวนการด้วย ถ้าหากประชาชนไม่ต้องการร่วมโครงการ ตำรวจก็ไม่ควรนำไปใช้ นอกจากนี้ยังได้แนะนำว่าการที่ตำรวจเลือกใช้กล้องจากของประชาชนที่มีอยู่แล้วนั้น น่าจะช่วยลดความกลัวและความไม่เชื่อใจของผู้คนที่อาจจะเกิดขึ้นเมื่อได้รู้ว่าตำรวจกำลังติดตั้งกล้องหลายสิบตัวในพื้นที่ของพวกเขา
ข้อมูลจากสื่อ Engadget ยังบอกอีกว่ามีสองบริษัที่ช่วยอำนวยความสะดวกด้านอุปกรณ์ให้กับตำรวจ หนึ่งในนั้นคือ “FUSUS” ซึ่งมีระบบชื่อว่า “cloud-based platform through” ช่วยให้ศูนย์ปฏิบัติการสามารถเข้าถึงข้อมูลวิดีโอได้โดยง่าย
ส่วนทางฝั่งของบริษัท Law enforcement agencies ที่สามารถเข้าถึงฟุตเทจจากกล้อง “Ring” ได้เช่นกันถ้าผู้ใช้งานอนุญาต ก็ได้กล่าวไว้เมื่อปีที่แล้วว่าทางตำรวจสามารถเก็บการจับภาพจากวิดีโอไว้ได้ตลอดถ้าผู้ใช้ยินยอมส่งต่อให้ เมื่อต้นปีที่ผ่านมา Ring จึงได้เพิ่มการควบคุมในแอปพลิเคชันบนมือถือในส่วนของการอนุญาตการเข้าถึงวิดีโอจากตำรวจไว้เช่นกัน
จะเห็นได้ว่าบางครั้งการทำงานร่วมมือกันระหว่างหลาย ๆ องค์กรและรัฐก็ทำให้เกิดการพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้นเป็นอย่างมาก นอกจากโครงการนี้จะเป็นความร่วมมือของทั้งทางรัฐ ตำรวจ บริษัทต่าง ๆ แล้ว ประชาชนอย่างเราเองก็เป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยให้ชีวิตความเป็นอยู่ของเราดีขึ้น ที่สำคัญโครงการนี้ยังนำเอาสิ่งที่มีอยู่แล้วมาขยายการใช้งานให้กว้างขึ้น จะได้ไม่ต้องเสียเงินและทรัพยากรในการติดตั้งกล้องวงจรปิดที่อาจจะกลายเป็นขยะของโลกไปเสียเปล่า ๆ นั่นเอง
ขอบคุณข้อมูลจาก
เกาะติดข่าวที่นี่
website: www.TNNThailand.com
facebook : TNNThailand
facebook live : TNN Live
twitter : @TNNThailand
Line : @TNNONLINE
Youtube Official : TNNThailand
Instagram : @tnn_online
TIKTOK : @tnnonline