ชีวิตส่วนตัวและพื้นฐานการศึกษา

จักรภพ เพ็ญแข เกิดเมื่อวันที่ 21 ตุลาคม พุทธศักราช 2510 เติบโตในครอบครัวที่ให้ความสำคัญกับการศึกษา เขาเริ่มต้นชีวิตนักเรียนที่โรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ก่อนจะสอบเข้าเรียนในระดับปริญญาตรี คณะรัฐศาสตร์ สาขาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และต่อยอดสู่การศึกษาระดับปริญญาโทและเอก ที่วิทยาลัยระหว่างประเทศศึกษาชั้นสูงพอล เอช. นิทซ์ มหาวิทยาลัยจอนส์ฮอปกินส์ ประเทศสหรัฐอเมริกา

จากภูมิหลังทางวิชาการที่แข็งแกร่งนี้ ได้หล่อหลอมให้จักรภพกลายเป็นนักคิด นักวิเคราะห์ และผู้สื่อสารที่มีวิสัยทัศน์เฉียบคมตั้งแต่ช่วงต้นของชีวิตการทำงาน

เส้นทางสู่วงการสื่อมวลชน

เมื่อสำเร็จการศึกษา จักรภพเริ่มต้นอาชีพในฐานะนักวิเคราะห์ข่าวต่างประเทศ และผู้ดำเนินรายการโทรทัศน์ โดยเขาเป็นหนึ่งในนักสื่อสารที่มีอิทธิพลอย่างมากในช่วงเปลี่ยนผ่านของวงการสื่อไทย ไม่เพียงแต่จัดรายการข่าววิเคราะห์ที่ได้รับความนิยม แต่ยังมีบทบาทเป็นผู้บริหารสถานีโทรทัศน์พีทีวี และผู้มีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนภาพลักษณ์ของสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย หรือ ช่อง 11 ให้กลายเป็น NBT เพื่อรองรับภารกิจด้านการสื่อสารของภาครัฐอย่างมีประสิทธิภาพ

จุดเปลี่ยนทางการเมือง

ในช่วงปี 2546 จักรภพเข้าสู่สนามการเมืองในฐานะโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีในรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และแม้จะลงสมัคร ส.ส. ในนามพรรคไทยรักไทยในปี 2548 และ 2549 แต่ยังไม่ได้รับเลือก ทว่าเขายังมีบทบาทสำคัญในฐานะรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี โดยเป็นกำลังสำคัญในยุครัฐบาลทักษิณชุดสอง

หลังรัฐประหารในปี 2549 จักรภพกลายเป็นหนึ่งในแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ (นปก.) ที่ต่อต้านอำนาจของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ และรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ก่อนจะได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีในรัฐบาลสมัคร สุนทรเวช เมื่อปี 2551 รับผิดชอบดูแลการสื่อสารของรัฐอย่างเต็มตัว

การกลับมาในฐานะโฆษกรัฐบาลแพทองธาร

ในปี 2568 ภายหลังการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร ได้มีรายงานว่า จักรภพ เพ็ญแข กำลังจะกลับมารับตำแหน่งโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งถือเป็นการคืนเวทีการเมืองของเขาอย่างเป็นทางการอีกครั้ง

การแต่งตั้งครั้งนี้ได้รับความสนใจจากสังคมในวงกว้าง เนื่องจากจักรภพมีภาพลักษณ์เป็นนักสื่อสารมืออาชีพ ผู้เข้าใจโครงสร้างของรัฐและกลไกการสื่อสารสาธารณะเป็นอย่างดี อีกทั้งยังมีประสบการณ์ตรงในฐานะผู้บริหารสื่อ และรัฐมนตรีในอดีต