แผ่นดินไหวเมียนมา ยังเกิดอาฟเตอร์ช็อกต่ออีก 2 ปี

นายพิชิต สมบัติมาก อธิบดีกรมทรัพยากรธรณี กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยถึงสถานการณ์หลังเกิดแผ่นดินไหวขนาด 8.2 ในประเทศเมียนมา เมื่อวันที่ 28 มีนาคมที่ผ่านมา ว่าข้อมูลล่าสุดจากกรมอุตุนิยมวิทยาและกรมทรัพยากรธรณี ระบุว่าได้เกิดอาฟเตอร์ช็อกแล้วกว่า 500 ครั้ง ทั้งในพื้นที่เมียนมาและบางส่วนของประเทศไทย

อย่างไรก็ตาม แนวโน้มของการเกิดอาฟเตอร์ช็อกในช่วงเวลาหลังจากนี้ จะมีความถี่และความรุนแรงลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยคาดการณ์ว่าจะมีอาฟเตอร์ช็อกเกิดขึ้นต่อเนื่องไปอีกประมาณ 2 ปี แต่จะไม่รุนแรงจนส่งผลกระทบในระดับวิกฤต

นายพิชิต ยืนยันว่า รอยเลื่อนสะกายในเมียนมา และรอยเลื่อนในประเทศไทย ไม่ได้เชื่อมโยงกันในลักษณะ "โดมิโน" ที่จะส่งผลกระทบถึงกันโดยตรง แม้จะมีความเกี่ยวข้องกันในบางมิติ เช่น การเกิดหลุมยุบในบางพื้นที่ แต่ก็ไม่ถือว่ามีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญ

สำหรับกรณีแผ่นดินไหวบริเวณรอยเลื่อนคลองมะรุ่ย จังหวัดกระบี่ ที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา นายพิชิตระบุว่า ไม่น่าจะมีความเกี่ยวข้องกับแผ่นดินไหวในเมียนมา เนื่องจากเป็นการปลดปล่อยพลังงานของแต่ละรอยเลื่อนที่มีพฤติกรรมแตกต่างกัน

อธิบดีกรมทรัพยากรธรณีขอให้ประชาชนอย่าตื่นตระหนก เนื่องจากแผ่นดินไหวขนาดใหญ่จากรอยเลื่อนหลัก เช่น รอยเลื่อนสะกาย รอยเลื่อนสุมาตรา หรือรอยเลื่อนในแถบฟิลิปปินส์ มักมีช่วงเวลาห่างกันนานถึง 50–100 ปี จึงจะเกิดขึ้นอีกครั้ง ทั้งนี้ ยืนยันว่า ประเทศไทยตั้งอยู่ในชัยภูมิที่ปลอดภัยจากแผ่นดินไหว หากเกิดขึ้นก็จะไม่รุนแรงจนถึงขั้นส่งผลกระทบต่อชีวิตหรือทรัพย์สินของประชาชน

ในด้านระบบแจ้งเตือนภัยแผ่นดินไหว ปัจจุบันอยู่ระหว่างการทดสอบระบบแจ้งเตือนผ่าน cell broadcast และคาดว่าจะสามารถใช้งานได้ภายในเดือนมิถุนายนหรือกรกฎาคมปีนี้ เพื่อเพิ่มความมั่นใจและความปลอดภัยให้กับประชาชนในอนาคต