ต่ำสิบต่อกัน3วัน ไร้ยอดดับ ชี้ปชช.เริ่มละเลย‘เว้นระยะห่าง’เตือนอย่าเพิ่งผ่อน

ข่าวดี!! ต่ำสิบติดต่อกัน 3 วันไร้ยอดดับ เผยปชช.เริ่มละเลย‘การเว้นระยะห่าง’เตือนอย่าเพิ่งผ่อนปรนด้วยตัวเอง เผยนายกฯให้ความสำคัญเรื่องสุขภาพจิต ระบุขาพนันครองแชมป์แหกเคอร์ฟิว ทั่วโลกยอดตายแตะ 2 แสน-ติดเชื้อทะลุ 3 ล้าน
วันที่ 29 เมษายน ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) แถลงว่า วันนี้จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ต่ำสิบติดต่อกันเป็นวันที่ 3 โดยรายงานผู้ติดเชื้อเพิ่ม 9 ราย ผู้ป่วยยืนยันสะสม 2,947 ราย หายป่วย 2,665 ราย รักษาตัวอยู่ 228 ราย ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต ถือเป็นทั้งข่าวดี อายุเฉลี่ยผู้ติดเชื้อยังอยู่ในช่วง 39 ปี และกลุ่มที่ติดเชื้อสูงสุดคือวัย 20-29 ปี สำหรับผู้ป่วยรายใหม่ 9 ราย แบ่งเป็น ผู้ป่วยใหม่ 1.)จากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการฯ 9 ราย แบ่งเป็น 1.ผู้ป่วยที่มีประวัติกับผู้ป่วยยืนยัน หรือเกี่ยวข้องกับสถานที่ที่พบผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้านี้ 6 ราย และ 2.ผู้ป่วยกลุ่มอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับผู้ป่วยก่อนหน้านี้ จำนวน 2 ราย (บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข) 3.อยู่ระหว่าการสอบสวนโรค 1 ราย
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า สถิติจังหวัดที่รับรักษาผู้ป่วยยืนยันสะสมทั่วประเทศจำนวน 2,947 คน ใน 68 จังหวัด พบผู้ป่วยในกทม. 1,488 ราย ภูเก็ต 213 ราย นนทบุรี 157 ราย ยะลา 113 ราย สมุทรปราการ 113 ราย ชลบุรี 87 ราย ปัตตานี 79 ราย สงขลา 44 ราย เชียงใหม่ 40 ราย ปทุมธานี 39 ราย และนราธิวาส 28 ราย อยู่ระหว่างการสอบสวน 39 ราย สำหรับจังหวัดที่ยังไม่มีรายงานการรักษาผู้ป่วยประกอบด้วย กำแพงเพชร ชัยนาท ตราด น่าน บึงกาฬ พิจิตร ระนอง สิงห์บุรี อ่างทอง และสตูล ส่วนอัตราป่วยติดเชื้อต่อประชากรแสนคน จำแนกตามจังหวัดที่รับรักษา จากจำนวน 2,947 คน ใน 68 จังหวัด พบว่า อันดับหนึ่งคือ ภูเก็ต ตามมาด้วย กทม. และ ยะลา จังหวัดที่รับรักษาผู้ป่วยยืนยันรายใหม่ จำแนกตามระยะเวลารายงาน พบว่า จ.พระนครศรีอยุธยา และนนทบุรี ลงมาอยู่ในกลุ่มสีส้ม (มีรายงานผู้ป่วยในช่วง 8-14 วันที่ผ่านมา) ส่วนกลุ่มที่ลงมาจากสีเหลือง (มีรายงานผู้ป่วยในช่วง 15-28 วันที่ผ่านมา) มาอยู่ในสีเขียวอ่อน (ไม่มีรายงานผู้ป่วยช่วง 28 วันที่ผ่านมา) คือ จ.สระบุรี ศรีษะเกษ และหนองบัวลำภู
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า จากสถิติตั้งแต่ มกราคม-26 เมษายน 2563 พบผู้ป่วยในช่วงอายุ 0-14 ปี จำนวน 88 ราย คิดเป็น 3% ของผู้ป่วยทั้งหมด อัตราชายหญิง เท่ากับ 1:1 เป็นชาวไทย 90% และชาวต่างชาติ 10% แต่ไม่มีผู้เสียชีวิตจากกลุ่มนี้ ส่วนปัจจัยเสี่ยงที่เด็กติดเชื้อในจำนวน 88 ราย มาจาก ผู้ป่วยยืนยันรายก่อนหน้า 76 ราย (86.4%) มีปะวัติเดินทางจากต่างประเทศ 3 ราย (3.4%) มีประวัติเดินทางไปสถานที่แออัด/สถานที่ชุมชน 3 ราย (3.4%) และไม่มีข้อมูล 6 ราย (6.8%) โดยเชื่อมโยงกับจังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุดคือ ภูเก็ต ยะลา และปัตตานี ทั้งนี้ผู้ป่วยยืนยันที่เด็กสัมผัส คือ พ่อแม่ 45% บุคคลอาศัยร่วมบ้าน 24% ญาติอื่นๆ 8% และไม่ระบุ 24%
จากมูลนิธิศูนย์นมแม่แห่งประเทศไทย รายงานว่า การดื่มนมจากแม่ที่มีเชื้อ ไม่สามารถทำให้เกิดการติดเชื้อได้ หากแม่ป่วยสามารถให้นมลูกได้ แต่ต้องป้องกันในหลายวิถีทาง อาจจะปั๊มนมไว้แล้วนำมาให้ลูกดื่ม หรืออาจจะให้นมลูกด้วยตัวเอง แต่ต้องทำความสะอาดและใส่หน้ากากอนามัยระหว่างให้นม โดยทางมูลนิธิฯ ชี้แจงว่า ถ้าไม่มีความจำเป็นใดๆ ไม่ควรเปลี่ยนไปใช้นมผง เพราะจะเป็นการเพิ่มค่าใช่จ่าย และเด็กจะไม่ได้รับภูมิคุ้มกัน แต่หากมีความจำเป็นที่แม่ไม่สามารถเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ได้ และไม่มีเงินซื้อนมผง ก็ขอให้ประสานที่บุคลากรทางการแพทย์ และสาธารณสุข เพราะเรามีทีมงานที่จะเข้าไปช่วยท่าน เพื่อให้เรื่องทุกข์ร้อนหายไป
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า รายการการวิเคราะห์เพิ่มเติมจากรมสุขภาพจิต ได้นำเสนอชุดพฤติกรรมของคนไทยในปัจจุบัน สำรวจใน 2 ช่วงเวลา คือ ช่วงวันที่ 12-18 มีนาคม และช่วงวันที่ 30 มีนาคม – 5 เมษายน จากคน 2 กลุ่ม คือ บุคลากรทางการแพทย์ และประชาชนทั่วไป ในเรื่องความระมัดระวังการเว้นระยะห่าง บุคลากรทางการแพทย์ช่วงที่ 1 ปฏิบัติตาม 87.1% และช่วงที่ 2 ปฏิบัติตาม 87.7% ตัวเลขการปฏิบัติตามเพิ่มขึ้น ขณะที่ประชาชนทั่วไป ช่วงที่ 1 ปฏิบัติตาม 86.9% และช่วงที่ 2 ปฏิบัติตาม 82.4%
การปฏิบัติตามลดลง หมายความว่า ชุดพฤติกรรของท่านเมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา ยังไม่ถึงช่วงผ่อนปรนมาตรการ ท่านก็ผ่อนปรนกันแล้ว จึงขอให้ทุกท่านช่วยกัน ว่า การเว้นระยะห่างยังมีความสำคัญมาก ส่วนพฤติกรรมการสวมหน้ากากอนามัยเมื่อไปในที่ชุมชน พบว่า บุคลากรทางการแพทย์ช่วงที่ 1 ปฏิบัติตาม 78.2% และช่วงที่ 2 ปฏิบัติตาม 97.4% ขณะที่ประชาชนทั่วไป ช่วงที่ 1 ปฏิบัติตาม 70.0% และช่วงที่ 2 ปฏิบัติตาม 96.8% การปฏิบัติตามลดลง หมายความว่า ทุกท่านให้ความร่วมมือในส่วนเป็นอย่างมาก และต้องทำกันต่อไป
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า สถานการณ์ทั่วโลก มีผู้ติดเชื้อสะสมรวม 3,138,190 ราย อาการหนัก 56,965 ราย หายป่วยแล้วสะสม 955,188 ราย และเสียชีวิตไปแล้วกว่า 217,974 ราย สำหรับประเทศที่พบผู้ป่วยสูงสุด อันดับ 1 คือ สหรัฐอเมริกา มียอดติดเชื้อสะสม 1,035,765 ราย และมีผู้เสียชีวิตสะสม 59,266 ราย ตามมาด้วยสเปน มียอดติดเชื้อสะสม 232,128 ราย และมีผู้เสียชีวิต 23,822 ราย อิตาลี มียอดติดเชื้อสะสม 201,505 ราย และมีผู้เสียชีวิต 27,395 ส่วนประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 59 ส่วนประเทศที่พบผู้เสียชีวิต 3 อันดับแรกที่เกิดขึ้นคือ สหรัฐอมเริกา 2,469 ราย อังกฤษ 586 ราย และบราซิล 480 ราย
“เมื่อวานนี้ได้ยินข่าวว่า มีแพทย์ที่สหรัฐอมเริกาฆ่าตัวตาย เพราะเหนื่อย ฉะนั้นเรื่องผลกระทบต่อสุขภาพจิต ถ้าป่วยกันหลักล้าน และเสียชีวิตกันครึ่งแสนก็จะมีผลต่อสุขภาพจิตแน่นอน แต่อย่างไรก็ตามเราจะรับได้มากน้อยขึ้นอยู่กับความหนักเบาของแต่ละที่ โชคดีที่ไทยเรายังไม่ได้เจอผลกระทบทางด้านนี้มากมายเท่าไหร่ แต่จะมากจะน้อยต้องมีผลกระทบต่อสุขภาพจิตแน่นอน ซึ่งนายกรัฐมนตรี และสาธารณสุขก็ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้”นพ.ทวีศิลป์ กล่าว
นพ.ทวีศิลป์ เปิดเผยต่อว่า สำหรับประเทศแถบเอเชีย พบว่า สิงคโปร์จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ลดลง ยอดเมื่อวานอยู่ที่ 528 ราย ญี่ปุ่น 589 ราย เกาหลีใต้ 9 ราย ซึ่งเท่ากับวันนี้ของเรา แต่มียอดติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 10,761 ราย เป็นอันดับที่ 35 ของโลก ทั้งนี้กลุ่มประเทศอาเซียนและเอเชีย ประเทศที่พบผู้ป่วยสูง ได้แก่ อินเดีย สิงคโปร์ ญี่ปุ่น ปากีสถาน และอินโดนีเซีย ส่วนประเทศเพื่อนบ้านของไทยพบผู้ป่วยต่ำ แต่ก็ต้องให้ความสำคัญว่า การเปิดชายแดน หรือน่านฟ้าให้คนเข้ามาได้นั้น แม้ว่าเราจะดี แต่ถ้าสถานการณืโลกยังไม่ดี มาตรการต่างๆ ยังต้องตรึงไว้อยู่ เพื่อไม่ให้มีการนำเชื้อเช้ามาในประเทศไทยเรา
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวถึงมาตรการการนำคนไทยที่ตกค้างกลับไทย ว่า วันที่ 29 เมษายน กลับจากอินเดีย (มุมไบ) 189 คน วันที่ 30 เมษายน กลับจากรัสเซีย 15 คน ศรีลังกาและมัลดีฟท์ 40 คน และอินเดีย (เจนไน/บังคาลอร์) 170 คน หากรวมคนไทยที่กลับมาจาก 22 ประเทศ ตั้งแต่ช่วงวันที่ 4-28 เมษายน เดินทางกลับแล้ว 2,981 คน ส่วนการเดินทางผ่านชายแดนเข้าไทย เมื่อวันที่ 28 เมษายน มีคนเดินทางมาทั้งหมด 372 คน ซึ่งลงทะเบียนไว้ 364 คน จากเมียนมา 3 คน มาเลเซีย 364 คน สปป.ลาว 2 คน และกัมพูชา 3 คน ซึ่งทุกคนจะต้องเข้าสู่ State Quarantine ทั้งหมด
จากข้อมูลการกระทำผิดในช่วงเคอร์ฟิว พบว่า เมื่อวานนี้มีกระทำผิด จากการเล่นพนันเป็นอันดับหนึ่ง มีการชุมนุมมั่วสุม 79 ราย ลดลงไป 64 คดี แต่การออกนอกเคหสถาน เพิ่มขึ้นถึง 128 ราย รวมเป็น 589 คดี กทม.พบผู้กระทำผิดสูงสุด ตามาด้วยปทุมธานี และปัตตานี ส่วนจังหวัดที่ไม่มีรางานเลยก็ต้องขอ