บล.ไทยพาณิชย์ คาดรัฐล็อกดาวน์ไม่เข้ม คงเป้าจีดีพี 3.6% เชื่อไตรมาส 2 ศก.กลับมาฟื้นตัว
ข่าววันนี้ นายสุกิจ อุดมศิริกุล กรรมการผู้จัดการ Chief Research Officer บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จำกัด (SCBS) เปิดเผยว่า หากสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนและมาตรการของภาครัฐในการจำกัดการแพร่ระบาดเป็นไปอย่างที่คาด คือ 1.ผู้ป่วยไปแตะจุดสูงสุดที่ราว 27,00 รายในช่วงปลายเดือนมกราคม ก่อนลดลงในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ และ 2.ทางการประกาศมาตรการ Soft lockdown ในช่วงกลางเดือนมกราคม ถึงกลางเดือนกุมภาพันธ์ เป็นไปได้ที่การขยายตัวเศรษฐกิจ (จีดีพี) จะชะลอตัวลงในไตรมาสที่ 1/2565 เป็นหลัก โดยมีสาเหตุมาจากการอุปโภคบริโภคและจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาในไทยลดลง
นายสุกิจกล่าวว่า ช่วงไตรมาสที่ 2-4 ของปีนี้อาจเป็นไปได้ที่ตัวเลขเศรษฐกิจและการบริโภคจะกลับมาฟื้น
ตัวมาก โดยหากการระบาดของสายพันธุ์โอมิครอนทำให้เกิดสถานการณ์ภูมิคุ้มกันหมู่ (Herd immunity) เนื่องจากการระบาดของสายพันธุ์โอมิครอนเป็นไปอย่างรวดเร็ว แต่ผู้เสียชีวิตมีไม่มาก ทำให้เหมือนเป็นการฉีดวัคซีนเชื้อเป็นที่อ่อนฤทธิ์ อันเป็นมุมมองของผู้เชี่ยวชาญและองค์กรระหว่างประเทศต่างๆ ซึ่งจะทำให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจนับตั้งแต่ไตรมาสที่ 2-4 ดีมาก ทั้งในแง่การบริโภคที่จะมีการฟื้นตัวจาก Pent-up demand และจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้ามาในประเทศมาก
นายสุกิจกล่าวด้วยว่า จึงยังคงประมาณการจีดีพีของไทยปีนี้ไว้ที่ 3.6% ฟื้นตัวขึ้นจากปีที่แล้ว ที่เศรษฐกิจขยายตัวใกล้เคียงกับที่คาดไว้ที่ 1% โดยการระบาดของสายพันธุ์โอมิครอนอาจจะทำให้จีดีพีลดลงไปอยู่ที่ 2.9% ได้ แต่ก็มีทิศทางขาขึ้นในไตรมาสที่ 2-4 หากเกิดภูมิคุ้มกันหมู่ ขณะที่จำนวนนักท่องเที่ยว ยังคงประมาณการเดิมที่ 8 ล้านคน ซึ่งจะเป็นการฟื้นตัวขึ้นจากนักท่องเที่ยวในปีที่แล้ว ที่ใกล้เคียงกับที่คาดไว้ 3 แสนคน
นายสุกิจกล่าวว่า คาดว่ามาตรการล็อกดาวน์หลังปีใหม่จะไม่เข้มงวดเหมือนปีที่แล้วที่มีการแพร่ระบาดของสายพันธุ์เดลต้า ซึ่งจะคล้ายกับหลายประเทศที่ใช้มาตรการเข้มงวดน้อยลงกว่า โดยเบื้องต้นมาตรการที่ออกมาคาดจะเน้นที่การเว้นระยะห่าง, สวมหน้ากากอนามัย, ขอความร่วมมือทำงานที่บ้าน และไม่รวมตัวกันเป็นกลุ่มจำนวนมาก รวมทั้งขอให้สุ่มตรวจ ATK เป็นระยะ โดยกรณีแย่สุดอาจออกมาตรการคุมเข้มเฉพาะพื้นที่ที่มีการระบาดหนัก (พื้นที่สีแดงเข้ม) ในช่วงเวลาไม่เกิน 1 ไตรมาสเท่านั้น ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและภาคธุรกิจไม่มากนัก
“การแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วไปทั่วโลกของสายพันธุ์โอมิครอน ยังส่งผลกระทบลบมากสุดต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย ทั้งหุ้นโรงแรมและสายการบิน เพราะเกิดการยกเลิกเที่ยวบินจำนวนมากและหลายประเทศออกมาตรการกักตัวเพื่อควบคุมโรคที่เข้มงวดขึ้น ซึ่งประเทศไทยได้ปิดมาตรการเข้าไทยแบบ Test&Go ดึงสิ้นเดือนมกราคม ย่อมกระทบต่อการตัดสินใจมาเที่ยวไทย” นายสุกิจกล่าว