TUบาทอ่อนดันยอดขาย รับดีมานด์ส่งออกหนุน

ทันหุ้น – TU หั่นงบลงทุนปี 2564 เหลือ 5 พันล้านบาท จากเดิม 6.5 พันล้านบาท หลังเลื่อนโครงการบางส่วนไปปีหน้า แต่ยังได้รับอานิสงส์จากเงินบาทอ่อนค่า หนุนยอดส่งออกพุ่ง พร้อมยื่นไฟลิ่งบริษัทย่อย TFM เข้าตลาดหุ้นไทย คาดชัดเจนช่วงปลายปี 2564 ส่วนปี 2564 ย้ำเป้ารายได้โต 5% จากปีก่อน รับดีมานด์อาหารและอาหารแช่แข็งขยายตัวเพิ่ม
นางสาวเกวลี ทองสมอางค์ หัวหน้าฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TU เปิดเผยว่า บริษัทได้มีการปรับลดงบลงทุนปี 2564 เหลือราว 5 พันล้านบาท จากเดิมที่วางไว้ราว 6.5 พันล้านบาท เนื่องจากธุรกิจมีการเลื่อนการลงทุนโครงการบางส่วนออกไปเป็นในปี 2565 เพื่อสอดคล้องกับสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน อีกทั้งยังทำให้ธุรกิจสามารถบริหารจัดการค่าใช้จ่ายได้ดียิ่งขึ้น
รับทรัพย์บาทอ่อนค่า
ส่วนทิศทางค่าเงินบาทที่อ่อนค่าอย่างต่อเนื่องจนล่าสุดมาอยู่ที่ราว 33.55บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ (อิงข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทย ณ 19 ส.ค. 64) บริษัทมองน่าจะกลายเป็นปัจจัยบวกต่อธุรกิจ เพราะช่วยผลักดันให้รายได้จากต่างประเทศขยายตัวมากขึ้น
ขณะที่แนวโน้มราคาทูน่าที่ขยับเพิ่มสูงขึ้นในช่วงกรกฎาคม 2564 อยู่ที่ราว 1,500 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน เพราะเป็นช่วงเข้าสู่ฤดูกาลห้ามจับสัตว์น้ำในต่างประเทศนั้นบริษัทมองไม่น่ามีผลกระทบต่อธุรกิจ เนื่องจากราคายังอยู่ในกรอบราว 1,300-1,700 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน ซึ่งเป็นกรอบที่บริษัทประมาณการไว้ล่วงหน้าแล้ว
สำหรับผลประกอบการปี 2564 บริษัทยังคงเป้ารายได้เติบโต 5% จากปีก่อนที่ 1.34 แสนล้านบาท เนื่องจากธุรกิจอาหารและอาหารแช่แข็งในต่างประเทศ โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริการเติบโตอย่างชัดเจน ประกอบกับธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงยังขยายตัวต่อเนื่อง รวมทั้งธุรกิจยังสามารถบริหารจัดการต้นทุนได้ดียิ่งขึ้น
ดันบริษัทย่อย TFM เข้าตลาด
นอกจากนี้ ทางบริษัทได้มีการยื่นแบบแสดงข้อมูล (ไฟลิ่ง) ในส่วนของบริษัท ไทยยูเนี่ยน ฟีดมิลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TFM ผู้ประกอบธุรกิจอาหารสัตว์น้ำนั้นให้ทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อจะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) และเข้าจดทะเบียนตลาดหลักทรัพย์ (SET) หวังเสริมความแข็งแกร่งระยะยาว คาดได้เห็นความชัดเจนช่วงปลายปีนี้
สำหรับ TFM จะเสนอขาย IPO จำนวน 109.3 ล้านหุ้น แบ่งเป็นหุ้นสามัญเพิ่มทุน 90 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเดิมที่เสนอขายโดย TU จำนวน 19.3 ล้านหุ้น รวมทั้งหมดคิดเป็นสัดส่วนไม่เกิน 21.9%ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้น IPO ครั้งนี้ โดยจะนำเงินระดมทุนไปใช้ในการขยายธุรกิจผลิตและจำหน่ายอาหารสัตว์น้ำในประเทศอินโดนีเซียและปากีสถาน ชำระคืนเงินกู้ยืม และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในอนาคต
เคาะเป้าหมาย 23.60 บ.
บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) แนะนำ "ซื้อ" หุ้น TU ราคาเป้าหมาย 23.60 บาท โดย CEO ของบริษัทมั่นใจผลประกอบการในช่วงครึ่งหลังปี 2564ว่าจะเป็นไปตามแผนที่วางไว้ บวกกับเงินบาทที่กลับมาอ่อนค่าซึ่งจะเป็นปัจจัยสนับสนุนธุรกิจของ TU ในทางบวก และมองว่ากำไรขั้นต้นยังคงอยู่ในระดับที่ดีใกล้ 18% ในครึ่งหลังปี 2564แม้ว่าจะเทียบกับ 19%ซึ่งถือว่าสูงมากผิดปกติในไตรมาส 2/2564 ไม่ได้
ขณะที่ฝ่ายวิเคราะห์คาดกำไรครึ่งหลังปี 2564แข็งแกร่งต่อเนื่องจากครึ่งแรกปี 2564แม้ว่าอาจเห็นอัตราการเติบโตจากช่วงเดียวกันปีก่อนของกำไรในครึ่งหลังปี 2564 ไม่มาก เนื่องจากฐานกำไรที่สูงมากในไตรมาส 3/2563รวมถึงการเผชิญกับความท้าทายอย่างมากสำหรับกำไรในปี 2565 ที่จะเติบโตจากปี 2564 จากฐานที่สูงมากในปี 2564แต่จากกำไรที่คาดว่าจะยังคงยืนในระดับสูงในครึ่งหลังปี 2564 จึงมองว่า Upside จะมาจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่าในครึ่งหลังปี 2564ส่งผลบวกต่อยอดขายและกำไรขั้นต้น รวมถึงขาดทุน RL ที่อาจน้อยกว่าคาด